1
“นามิคาเสะ ไคโตะ ความฝันคือการได้ไปโคชิเองฮะ!”
คำพูดที่หลายๆคนก็คงจะได้ยินจนเบื่อ คำพูดที่ตั้งแต่เกิดมาพูดกี่ครั้งแล้วก็จำไม่ได้
ครั้งแรกที่เขาได้เล่นเบสบอลเป็นตอนที่ พี่ไดกิ พี่ชายแถวๆบ้านเอาถุงมือเบสบอลมาให้เขาลองใส่แล้วก็ลองเล่นกัน ในช่วงวัยเด็กนั้นก็มีแค่การรับลูกกับหวดลูกง่ายๆเท่านั้น จนกระทั่งปิดเทอมฤดูร้อนของตอนป.3 พ่อและอุเอโนะซัง คุณพ่อของพี่ไดกิ พาเขาไปดูพี่ไดกิแข่งโคชิเอง อุเอโนะซังชี้ไปยังตำแหน่งคนที่ขว้างลูกในสนาม บอกว่านั่นคือพี่ไดกิ
‘เท่จัง’
‘ผมเองก็อยากจะเท่แบบพี่ไดกิบ้าง’
‘ผมเองก็จะมาแข่งโคชิเอง’
เขาบอกพี่ไดกิหลังจากได้เจอกันอีกครั้งหลังจบโคชิเอง เขาจำได้ว่าไดกิยิ้มกว้าง แล้วขยี้ผมเขาจนผมยุ่งไปหมด
ความคิดแบบเด็กๆก็มีแค่นี้แหละ แต่นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของความฝัน ‘การได้ไปโคชิเอง’ ของเขา และทำให้เขาเริ่มฝึกเล่นเบสบอลอย่างจริงจัง
2
“นามิคาเสะ ไคโตะ ความฝันคือการเป็นแชมป์โคชิเองครับ!”
พอโตขึ้นความฝันก็ใหญ่ขึ้น เขาวาดภาพตัวเองพาทีมขึ้นไปยืนบนตำแหน่งแชมป์ของการแข่งขันด้วยซ้ำ ตอนนั้นจุดมุ่งหมายของเขาคือการได้เข้าโรงเรียนสำหรับนักเบสบอลโดยตรง เพื่อที่จะได้ทำตามความฝันให้เป็นจริง
แต่เพราะพ่อต้องเปลี่ยนตำแหน่งทำให้ต้องย้ายบ้าน อีกทั้งน้องสาวเขายังเล็ก แม่ดูแลคนเดียวคงเหนื่อย ทำให้เขาเลือกที่จะพับจุดมุ่งหมายในการเข้าโรงเรียนเบสบอลไว้
แม่บอกว่าเขาไม่จำเป็นต้องลดเป้าหมายของตัวเองให้เล็กลงเพื่อคนอื่นหรอก
แต่ความสุขของคนในครอบครัวก็คือจุดมุ่งหมายในชีวิตของเขาเหมือนกันนี่นา
นั่นทำให้ความฝันการที่จะได้เป็นแชมป์โคชิเองของเขาถูกกลบไป (แน่ล่ะ ถ้าไม่ได้เข้าโรงเรียนเฉพาะทางก็คงยากที่จะได้แชมป์) แต่เขาก็ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะไปโคชิเองหรอก
3
“นามิคาเสะ ไคโตะ เป้าหมายคือการได้ไปโคชิเอง!”
ม.ปลาย ช่วงเวลาที่ภาพของความฝันดูชัดเจนมากขึ้น
เพื่อนที่สุดยอด ทีมที่แข็งแกร่ง ไม่มีอะไรจะลงตัวไปกว่านี้แล้ว จากภาพในฝันตอนแรกที่ระบายด้วยสีเทียนธรรมดา มันกลับชัดขึ้นเรื่อยๆเหมือนถูกทาด้วยสีน้ำมันหลังจากได้รู้จักเพื่อนกลุ่มนี้
แต่ก็นะ คนอย่างเขามันก็มีช่วงเวลาที่ท้อบ้าง เขารู้ดีว่าร่างกายของตัวเองถ้าเทียบกับพิชเชอร์คนอื่นๆก็ถือว่าตัวเล็ก พิชเชอร์เก่งๆในตำนานก็มีแต่คนตัวสูงใหญ่ทั้งนั้นแหละ
แต่นั่นก็ไม่ใช่ข้ออ้างให้ลบความฝันทิ้งไป
เขาฝึก ฝึก ฝึก แล้วก็ฝึก เพิ่มกล้ามเนื้อแขน เพิ่มกล้ามเนื้อขา เพิ่มความแม่นยำ เสริมสร้างจุดเด่นขึ้นมาเพื่อกลบจุดด้อยของตัวเอง
เขาไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง แต่เขาเชื่อว่าความพยายามจะไม่ทรยศเขาแน่นอน
4
“นามิคาเสะ ไคโตะ ได้ไปโคชิเองแล้ว”
เขายิ้ม เขาหัวเราะ ก่อนที่เขาจะร้องไห้
มันเป็นน้ำตาแห่งความตื้นตัน
เขาได้ไปโคชิเองแล้ว ความฝันของเขาเป็นจริงแล้ว เสียงประกาศดังย้ำอยู่ในหัว แม้จะกลับบ้านมาแล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะหยิกแขนตัวเอง ยืนยันว่ามันไม่ใช่เรื่องโกหก
5
นามิคาเสะ ไคโตะ ไม่ใช่คนขี้แย
แต่ภายในช่วงระยะเวลาไม่กี่เดือนนี้เขาร้องไห้มา 2 ครั้งแล้ว
ครั้งแรกก็คือตอนที่รู้ว่าได้ไปโคชิเอง ครั้งที่สองคือตอนที่รู้ตัวว่าทีมแพ้ ตกรอบการแข่งขัน
ทำไมล่ะ ยังไงความฝันของเขาก็คือการได้มาโคชิเองไม่ใช่หรอ แค่นี้ก็สุดยอดแล้วแท้ๆ แต่น้ำตากลับไหลไม่หยุดซะงั้น
คงเป็นเพราะว่า … แท้จริงแล้วความฝันของการได้เป็นแชมป์โคชิเอง ก็ยังหลบซ่อนอยู่ในใจลึกๆของเขาไม่ได้หายไปไหนนั่นเอง
“นามิคาเสะ ไคโตะ จริงๆแล้วก็ยังคงหวังจะได้เป็นแชมป์โคชิเองอยู่ …..”
6
“นามิคาเสะ ไคโตะ กำลังจะเรียนจบชั้นม.ปลายแล้ว”
จะว่าเขาคิดน้อยก็ได้ แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ความฝันของเขามันหยุดอยู่ที่โคชิเองตลอด
เขานั่งมองแผ่นกระดาษใบสอบถามเส้นทางอนาคตที่ว่างเปล่า เอาจริงๆมันก็ควรจะไม่ต้องมาคิดอะไรยากหรอก มาขนาดนี้แล้ว ยังไงเขาก็อยากที่จะเล่นเบสบอลต่อ อยากจะเป็นนักเบสบอลมืออาชีพ
แต่ไม่รู้ทำไม .. เขาถึงยังไม่เริ่มเติมช่องว่างในกระดาษนั้นเสียที
“พ่อ แม่ ผมจะเป็นนักเบสบอลอาชีพดีมั้ย?”
ไม่รู้ทำไม นามิคาเสะ ไคโตะ ที่มีเป้าหมายชัดเจนมาตลอดถึงได้ถามคำถามนี้ออกไปในระหว่างที่กำลังนั่งทานข้าวเย็นกับครอบครัว
“ก็เป็นสิลูก ลูกชอบเล่นเบสบอลนี่” พ่อของเขาตอบง่ายๆ บ้านของเขาเป็นอย่างนี้เสมอ ทั้งสองคนไม่เคยขัดขวางความฝันของเขา มีแต่สนับสนุนอยู่ตลอดเวลา
“พี่ไคโตะต้องเป็นนักเบสบอลสิ มินามิอยากเห็นพี่ไคโตะเล่นเบสบอลอีก!” น้องสาวคนเล็กเขาพูดแทรกขึ้นมาเสียงใส แม้ไม่ได้พูด แต่โทโมมิ น้องสาวคนโตก็พยักหน้ารัวๆสนับสนุน เขาถอนหายใจออกมา เอื้อมมือไปลูบผมน้องสาวเบาๆ
“แต่ถ้าพี่เป็นนักเบสบอลพี่ก็จะไม่ได้อยู่บ้าน ไม่มีเวลามาเล่นกับโทโมมิแล้วก็มินามินะ”
คำพูดนี้ของเขาทำให้น้องสาวทั้งสองหันมามองหน้ากันอย่างลังเลเลย เขาเงยหน้ากลับขึ้นไป ก็พบสายตาของคุณแม่กำลังมองมาอยู่
“ลูกไม่อยากเป็นนักเบสบอล เพราะกลัวว่าจะไม่มีใครช่วยแม่ดูแลบ้านหรอ”
คำถามของแม่ทำให้เขาต้องเงียบไป … ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน แล้วพยักหน้ารับอย่างปฏิเสธไม่ได้
“ตอนนี้น้องยังเด็กอยู่เลย ถ้าผมเข้าทีมใครจะช่วยแม่ดูแล ..”
“เห๊ะ??มีทีมมาชวนลูกเข้าแล้วหรอ?”
“ไม่ใช่แบบนั้นพ่อ แต่…” เขาสบตาทั้งสองคน “ผมก็แค่ไม่อยากให้พ่อกับแม่เหนื่อย”
“ไคโตะลูก พ่อกับแม่ไม่เหนื่อยหรอกนะ” แม่ของเขาตอบทันทีหลังจากที่เขาพูดจบ “ความฝันของลูกน่ะ มันไม่ได้ทำร้ายคนอื่นเลย อย่าหยุดมันเพียงเพราะลูกเห็นใจคนอื่นเลย ถ้าความฝันของลูกไม่เป็นจริงเพราะพ่อกับแม่ พ่อกับแม่ก็ไม่มีความสุขหรอกนะ”
น้ำเสียงและสายตาของแม่เขายังคงอ่อนโยนเหมือนเช่นเคย อีกทั้งคำพูดประโยคนั้นทำให้เขาพูดอะไรไม่ออกอีกเลยจนกระทั่งกินข้าวเสร็จ
7
“นามิคาเสะ ไคโตะ อยู่ในช่วงกำลังใช้ความคิด”
เรียกได้ว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่เขาใช้ความคิดหนักที่สุดตั้งแต่เกิดมาก็ว่าได้ แต่ช่วงเวลาจริงจังที่นานๆทีจะเกิดขึ้นของเขาก็ดันถูกขัดด้วยการโดนแก๊งเด็กๆลากให้ไปเล่นด้วยซะงั้น
“พี่ไคโตะ เมื่อไหร่พี่จะแข่งเบสบอลอีกล่ะ!”
เกนตะเจ้าตัวแสบประจำหมู่บ้านถามเขาเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ ซึ่งเขาก็ตอบคำตอบเดิมเสมอ
“เมื่อตอนที่นายยอมแบ่งไข่หวานให้พี่นั่นแหละ”
“ไม่มีทาง! ไข่หวานเป็นของผม” เจ้าตัวแสบโวยวายทันที ทำเอาเขาต้องหัวเราะลั่น อดไม่ได้ที่จะขยี้ผมเด็กน้อยจนยุ่งเหยิง
“พี่ไคโตะไปแข่งโคชิเองอีกทีไม่ได้หรอ”
“ได้ที่ไหนเล่า ปีหน้าพี่ไคโตะก็ไม่อยู่ม.ปลาย โคชิเองมันแค่สำหรับม.ปลายเท่านั้น” คราวนี้โทโมมิน้องสาวเขาเป็นคนตอบแทน เขาเองก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆ เจ้าคนถามที่มีชื่อว่าโกโร่ก็เหมือนจะไม่เข้าใจคำตอบซักเท่าไหร่ อีกไม่นานก็คงจะถามคำถามแบบเดิมอีกแหละ
“ป๊อบปูล่าจริงๆนะไคโตะ”
แต่เสียงถัดมาที่ได้ยินไม่ใช่เสียงใสๆเจื้อยแจ้วแบบของเด็กๆที่รายล้อมเขาอยู่ เขาเงยหน้าขึ้นมา และเจ้าของเสียงทำให้เขาต้องเบิกตากว้าง
“พี่ไดกิ!”
อุเอโนะ ไดกิ คนที่เป็นแรงบันดาลใจให้เขาอยากไปโคชิเอง หลังจากจบโคชิเองก็ได้ร่วมเข้าร่วมทีมหนึ่งในลีค NPB (Nippon Professional Baseball) และต่อมาก็ได้เข้าร่วมทีมของอเมริกา ลีคใหญ่ที่นู่นเพิ่งจบไป ตอนนี้คงเป็นช่วงพักร้อน
เขายังคงตาโต กี่ปีมาแล้วเขาก็จำไม่ได้ที่เขาได้เจอไดกิตัวเป็นๆ ล่าสุดที่เขาเห็นก็จากในทีวีนั่นแหละ
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะพี่!?”
“แป๊บเดียวเอง พอมีเวลามั้ย ขอคุยด้วยหน่อยได้รึเปล่า?” ไดกิยิ้มให้เขา เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากพยักหน้าหงึกๆ หันไปบอกเด็กๆให้นั่งรอเขา แล้วก้าวเท้าเร็วๆตามคนตรงหน้าไป
8
“นามิคาเสะ ไคโตะ กำลังงงงวย”
“วันนี้ฉันกับพ่อตั้งใจมาเยี่ยมคุณอา แต่ว่าเห็นนายไม่อยู่บ้าน ได้ยินจากคุณอาว่าออกมาอยู่ที่สนามเด็กเล่นก็เลยออกมาตามหา” พี่ไดกิอธิบายในระหว่างที่เดินกันไปตามทาง ถึงไม่ได้เจอกันมานาน แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกประหม่ากับคนข้างๆสักเท่าไหร่ แต่ก็ยังคงสงสัยอยู่ว่าพี่ไดกิอยากจะคุยอะไรกับเขากันแน่ “ได้ยินมาจากคุณอาว่าลังเลว่าจะเดินสายนักเบสบอลมืออาชีพดีมั้ยหรอ?”
เขาเงียบไป ก่อนจะพยักหน้าหงึกๆ
“พี่ไดกิว่าผมจะทำยังไงดี? จริงๆผมก็อยากเดินสายนี้อย่างจริงจัง แต่ถ้าผมไปร่วมทีม ก็จะไม่มีคนช่วยแม่ดูแลโทโมมิกับมินามิ”
“ประเด็นนี้ฉันได้ยินมาว่าคุณอาก็อธิบายให้นายฟังไปแล้วนะ?”
เขาขยี้ผมตัวเองทันที “มันก็ใช่ แต่ .. ไม่รู้สิ เหมือนยังไม่มีอะไรจุดไฟในตัวผมล่ะมั้ง”
ไดกิไม่ได้พูดอะไร เจ้าตัวเบือนหน้าออกจากเขาไปมองยังถนน ความเงียบปกคลุมระหว่างเขาอยู่สักพักใหญ่ๆ
“เด็กๆที่อยู่ในสนามเด็กเล่นเมื่อกี้คือเด็กที่อยู่แถวนี้หรอ”
เขากระพริบตาปริบๆ “ฮะ ใช่”
“ใช่กลุ่มที่นายชอบไปเล่นเบสบอลด้วยมั้ย? เห็นคุณอาเล่าให้ฟัง”
“ช่ายยกลุ่มนั้นแหละะะ” เขาลากเสียงยาวเลย “เห็นแบบนั้นก็เล่นกันเก่งไม่เบาเลยนะ”
ไดกิฟังแล้วอมยิ้มนิดๆ ก่อนจะถามต่อ ประเด็นคำถามเปลี่ยนอีกแล้ว เขายังไม่เข้าใจจุดประสงค์อีกฝ่ายเท่าไหร่
“นายเล่นพิชเชอร์เป็นตำแหน่งหลักใช่มั้ย”
มันเป็นคำถามที่เขาตอบใช่ไปทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลา และไดกิก็ถามต่อทันที
“แต่นายก็น่าจะรู้ว่าตัวนายค่อนข้างตัวเล็กเมื่อเทียบกับความสูงมาตรฐานของนักเบสบอลทั่วไป การเป็นพิชเชอร์ที่ดีมันต้องใช้แรงเยอะมาก นายไหวหรอ?”
เขารู้สึกเหมือนลมหายใจสะดุด .. เหมือนอะไรที่เป็นปมอยู่ในใจถูกขุดขึ้นมาอีกครั้ง
“ผมก็เล่นผ่านมาได้แล้วนี่ พี่ก็เห็นอยู่”
“ใช่ แต่ในอนาคตมันจะหนักกว่านี้อีกนะ นายคิดว่านายจะไหวมั้ย?”
เขาเงียบไป .. คราวนี้เขาเองเป็นฝ่ายที่เบือนหน้าไปอีกทาง..
“ใช่ ผมรู้ว่ารูปร่างผมมันก็ธรรมดา .. ถือว่าตัวเล็กด้วยซ้ำ เอาจริงๆผมเองก็เคยเกือบจะถอดใจกับการเป็นพิชเชอร์หลายครั้งเพราะเรื่องนี้แหละ แต่ผมก็รู้สึกว่า พิชเชอร์คือตำแหน่งที่ผมชอบเล่นที่สุดแล้ว แล้วผมก็จะทิ้งความฝันกับเพราะเรื่องแค่นี้ไม่ได้” พอได้พูดออกมา มันก็กลายเป็นประโยคยาวๆในทันที มันอาจจะเป็นเพราะเขาได้ทบทวนความรู้สึกตัวเองด้วยล่ะมั้ง
“แล้วอีกอย่าง อย่างที่พี่เห็น ผมมีน้องๆแถวบ้านที่สนิทหลายคน ทุกคนชอบเล่นเบสบอลกันหมดเลย แต่หลายๆคนก็จะมีความกลัวที่ทำให้ไม่กล้าจริงจังกับการเล่นเบสบอล ..อย่างเจ้าโกโร่ก็ชอบบอกว่าตัวเองแห้งไป ปาลูกสู้คนอื่นไม่ได้ หรืออย่างเกนตะก็จะกลัวว่าตัวเองอ้วนเกินไป จะไปวิ่งทันคนอื่นได้ยังไง .. เพราะฉะนั้น ..”
จนพูดมาถึงจุดนี้เขาก็ตาโตขึ้น จู่ๆก็รู้สึกเหมือนมีไฟบางอย่างจุดขึ้นในตัว “ผมก็เลยอยากจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็น ผมตั้งใจจะเป็นพิชเชอร์ .. ไม่สิ นักเบสบอลที่สุดยอดให้ได้ เพื่อให้เด็กๆทุกคนได้มองมาที่ผมแล้วคิดว่า ดูสิ ขนาดคนอย่างผมยังมายืนอยู่จุดนี้ได้เลย เพราะฉะนั้นพวกเขาก็ต้องทำได้อยู่แล้วล่ะครับ”
พูดจบเขาก็หันไปมองคนข้างๆทันที ไดกิกำลังยิ้มให้เขา ยิ้มที่เหมือนว่าเจ้าตัวกำลังรอคำพูดนี้ของเขาอยู่แล้ว
“ผมตัดสินใจได้แล้ว ผมจะเป็นนักเบสบอลมืออาชีพให้ได้”
“ฟังจากคำพูดนายเมื่อกี้ฉันก็รู้แล้วล่ะ” ไดกิพูดพร้อมรอยยิ้ม “นายน่ะมีไฟอยู่ในตัวนะไคโตะ บางทีมันอาจจะอ่อนไปบ้างแต่มันก็ยังคงติดอยู่เสมอ อย่าปล่อยให้มันดับง่ายๆล่ะ”
คำพูดนั้นของไดกิทำให้เขายิ้มกว้าง เขาพยักหน้าหงึกๆ
“ผมว่าผมนึกได้อีกอย่าง พี่ไดกิเคยเป็นความฝันให้ผม ผมตัดสินใจละ ผมเองก็อยากจะเป็นความฝันให้กับเจ้าพวกที่สนามเด็กเล่นเหมือนกัน”
ไดกิหัวเราะลั่นก่อนจะยื่นมือมาขยี้ผมเขา ทำเหมือนกับที่เคยทำกับเขาตอนที่เขาอยู่ป.3 ตอนที่เขาบอกกับไดกิว่าอยากจะไปโคชิเอง
9
ในที่สุด เขาก็ได้วางดินสอลงบนกระดาษเส้นทางอนาคตนี่
แน่นอนว่าเขาได้ไปพูดคุยกับพ่อแม่เรียบร้อย พ่อกับแม่ยิ้ม แล้วกอดเขา บอกว่าจะสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่ เขาเองก็กอดพ่อกับแม่กลับไปแน่นๆเช่นกัน
เขายิ้มกับตัวเอง ก่อนจะเริ่มเขียนเติมลงไปในช่องที่ว่างเปล่า เขาไม่รู้อนาคตจะเป็นอย่างไร แต่เขาเชื่อว่าความพยายามจะไม่มีทางทรยศเขา และเขาก็จะใช้ชีวิตแบบที่ไม่มีทางเสียใจภายหลังแน่นอน
“นามิคาเสะ ไคโตะ ความฝันคือนักเบสบอลมืออาชีพที่เก่งที่สุดในญี่ปุ่น!”
– สรุปไคโตะส่งชื่อสมัครใน NPB Draft ค่ะ (เป็นการคัดเลือกนักเบสบอลมือสมัครเล่นเข้าร่วมทีมในลีค NPB ของญี่ปุ่น) ซึ่งผลก็ออกมาว่าเจ้าตัวได้รับคัดเลือกเข้าทีมนึงในโอซาก้าค่ะ 🙂
– จริงๆไคโตะก็ดูไว้เผื่อแหละว่าถ้าไม่ติดทีม จะไปเรียนวิทย์กีฬาในมหาลัยใกล้บ้านก่อน (ตอนนี้ยังไม่เขียนเติมในใบเพราะไม่เท่ แต่เดี๋ยวอีกสักพักก็ต้องไปเติม(…))
– ไคโตะเป็นคาร์ที่เหมือนจะไม่มีอะไร แต่จริงๆแล้วก็มี ที่บ้านของไคโตะมีน้องเล็ก 2 คน คุณพ่อเองก็ทำงานหนัก คุณแม่ก็ไม่ได้แข็งแรงอะไรมาก เจ้าตัวเลยต้องช่วยที่บ้านดูแลน้องๆเสมอ การที่จะเข้าทีม จำเป็นจะต้องออกจากบ้านไป ทำให้ไคโตะเกิดความลังเลค่ะ
– (จริงๆไดกิเป็นซับคาร์ที่เคยคิดไว้นานมาก แต่ไม่เคยคิดชื่อ เพิ่งมาคิดได้สดๆร้อนๆเลย(…))
– ไม่ได้เขียนอะไรยาวๆแบบนี้มานานแล้ว แต่กับตัวละครตัวนี้ ถึงจะไม่ได้เล่นอะไรมากก็อยากจะเขียนถึงอนาคตและการตัดสินใจของเขาให้ชัดเจน รู้ตัวอีกทีก็ยาวขนาดนี้แล้วค่ะ ใครอ่านจนจบถึงบรรทัดนี้มาอวดเราหน่อยนะ เราจะให้จุ๊บหนึ่งทีเป็นรางวัล(…)