[TE] Nagahara Masato

masato-template

สกุล – ชื่อ : นากาฮาระ มาซาโตะ 中原正人

สัญชาติ : ญี่ปุ่น

อายุ : 29 ปี

วิชา : ภาษาอังกฤษ

นิสัย :

-อารมณ์ดี หัวเราะง่าย ยิ้มง่าย

-ทำตัวชิลเสมอ ใจเย็น

-ใจดี ชอบเทคแคร์คนรอบข้าง

-ชอบทำตัวบ๊องๆ บางทีก็ชอบทำท่าอะไรแปลกๆหรือเล่นมุกที่เข้าใจแค่คนเดียว ซึ่งคนอื่นก็ไม่ขำ.. (ทั้งๆที่คิดว่ามันต้องขำแน่ๆแท้ๆ)

-แต่เวลามีสถานการณ์คับขันก็สามารถประคองสติได้ค่อนข้างดี มีความเป็นผู้ใหญ่

-หัวไว รู้ข่าวตามเรื่องราวต่างๆได้เร็ว แต่ชอบแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

-ขี้แกล้ง ถูกใจใครจะชอบแหย่ชอบแซว

-ไม่ค่อยเล่าเรื่องของตัวเองให้ใครฟังเท่าไหร่ มักจะเป็นผู้รับฟังมากกว่า

-เป็นคนที่สามารถทำเรื่องที่สนใจตัวคนเดียวได้ จู่ๆนึกอยากจะไปเที่ยวที่ไหนก็ไปเลย

-มีความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงกับสิ่งที่ตัวเองต้องการ

อื่นๆ :

-สายตาสั้น500 ถ้าไม่ใส่แว่นหรือคอนแทคเลนส์จะมองไม่เห็น

-ชอบการถ่ายรูปมาก ว่างเมื่อไหร่จะถือกล้องส่วนตัวไปเดินถ่ายรูปตามสถานที่ต่างๆในเมืองเสมอ

-ก่อนจะมาเป็นอาจารย์ ประกอบอาชีพเป็นช่างภาพอิสระ และได้รับรางวัลจากการส่งภาพประกวดมาก่อน เป็นช่างภาพสาย landscape ที่มีชื่อเสียงในวงการถ่ายภาพอยู่พอสมควร

-เด็กๆมาปรึกษาได้ทุกเรื่องนะจ๊ะ<3

ส่วนสูง / น้ำหนัก : 180/77

อาชีพ : อาจารย์

โรงเรียน : ฮาบาทากิ

CV: Tatsuhisa Suzuki

masato

[TE] แบบสอบถามเส้นทางอนาคตของ นามิคาเสะ ไคโตะ

tex-banner

1

“นามิคาเสะ ไคโตะ ความฝันคือการได้ไปโคชิเองฮะ!”

1

 

คำพูดที่หลายๆคนก็คงจะได้ยินจนเบื่อ คำพูดที่ตั้งแต่เกิดมาพูดกี่ครั้งแล้วก็จำไม่ได้

 

ครั้งแรกที่เขาได้เล่นเบสบอลเป็นตอนที่ พี่ไดกิ พี่ชายแถวๆบ้านเอาถุงมือเบสบอลมาให้เขาลองใส่แล้วก็ลองเล่นกัน ในช่วงวัยเด็กนั้นก็มีแค่การรับลูกกับหวดลูกง่ายๆเท่านั้น จนกระทั่งปิดเทอมฤดูร้อนของตอนป.3 พ่อและอุเอโนะซัง คุณพ่อของพี่ไดกิ พาเขาไปดูพี่ไดกิแข่งโคชิเอง อุเอโนะซังชี้ไปยังตำแหน่งคนที่ขว้างลูกในสนาม บอกว่านั่นคือพี่ไดกิ

 

‘เท่จัง’
‘ผมเองก็อยากจะเท่แบบพี่ไดกิบ้าง’
‘ผมเองก็จะมาแข่งโคชิเอง’

เขาบอกพี่ไดกิหลังจากได้เจอกันอีกครั้งหลังจบโคชิเอง เขาจำได้ว่าไดกิยิ้มกว้าง แล้วขยี้ผมเขาจนผมยุ่งไปหมด

ความคิดแบบเด็กๆก็มีแค่นี้แหละ แต่นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของความฝัน ‘การได้ไปโคชิเอง’ ของเขา และทำให้เขาเริ่มฝึกเล่นเบสบอลอย่างจริงจัง

 

2

“นามิคาเสะ ไคโตะ ความฝันคือการเป็นแชมป์โคชิเองครับ!”

2

พอโตขึ้นความฝันก็ใหญ่ขึ้น เขาวาดภาพตัวเองพาทีมขึ้นไปยืนบนตำแหน่งแชมป์ของการแข่งขันด้วยซ้ำ ตอนนั้นจุดมุ่งหมายของเขาคือการได้เข้าโรงเรียนสำหรับนักเบสบอลโดยตรง เพื่อที่จะได้ทำตามความฝันให้เป็นจริง

แต่เพราะพ่อต้องเปลี่ยนตำแหน่งทำให้ต้องย้ายบ้าน อีกทั้งน้องสาวเขายังเล็ก แม่ดูแลคนเดียวคงเหนื่อย ทำให้เขาเลือกที่จะพับจุดมุ่งหมายในการเข้าโรงเรียนเบสบอลไว้

แม่บอกว่าเขาไม่จำเป็นต้องลดเป้าหมายของตัวเองให้เล็กลงเพื่อคนอื่นหรอก

แต่ความสุขของคนในครอบครัวก็คือจุดมุ่งหมายในชีวิตของเขาเหมือนกันนี่นา

นั่นทำให้ความฝันการที่จะได้เป็นแชมป์โคชิเองของเขาถูกกลบไป (แน่ล่ะ ถ้าไม่ได้เข้าโรงเรียนเฉพาะทางก็คงยากที่จะได้แชมป์) แต่เขาก็ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะไปโคชิเองหรอก

 

3

“นามิคาเสะ ไคโตะ เป้าหมายคือการได้ไปโคชิเอง!”

3

ม.ปลาย ช่วงเวลาที่ภาพของความฝันดูชัดเจนมากขึ้น

เพื่อนที่สุดยอด ทีมที่แข็งแกร่ง ไม่มีอะไรจะลงตัวไปกว่านี้แล้ว จากภาพในฝันตอนแรกที่ระบายด้วยสีเทียนธรรมดา มันกลับชัดขึ้นเรื่อยๆเหมือนถูกทาด้วยสีน้ำมันหลังจากได้รู้จักเพื่อนกลุ่มนี้

แต่ก็นะ คนอย่างเขามันก็มีช่วงเวลาที่ท้อบ้าง เขารู้ดีว่าร่างกายของตัวเองถ้าเทียบกับพิชเชอร์คนอื่นๆก็ถือว่าตัวเล็ก พิชเชอร์เก่งๆในตำนานก็มีแต่คนตัวสูงใหญ่ทั้งนั้นแหละ

แต่นั่นก็ไม่ใช่ข้ออ้างให้ลบความฝันทิ้งไป

เขาฝึก ฝึก ฝึก แล้วก็ฝึก เพิ่มกล้ามเนื้อแขน เพิ่มกล้ามเนื้อขา เพิ่มความแม่นยำ เสริมสร้างจุดเด่นขึ้นมาเพื่อกลบจุดด้อยของตัวเอง

เขาไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง แต่เขาเชื่อว่าความพยายามจะไม่ทรยศเขาแน่นอน

 

4
“นามิคาเสะ ไคโตะ ได้ไปโคชิเองแล้ว”

 

เขายิ้ม เขาหัวเราะ ก่อนที่เขาจะร้องไห้

มันเป็นน้ำตาแห่งความตื้นตัน

เขาได้ไปโคชิเองแล้ว ความฝันของเขาเป็นจริงแล้ว เสียงประกาศดังย้ำอยู่ในหัว แม้จะกลับบ้านมาแล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะหยิกแขนตัวเอง ยืนยันว่ามันไม่ใช่เรื่องโกหก

4

 

5

นามิคาเสะ ไคโตะ ไม่ใช่คนขี้แย

แต่ภายในช่วงระยะเวลาไม่กี่เดือนนี้เขาร้องไห้มา 2 ครั้งแล้ว

ครั้งแรกก็คือตอนที่รู้ว่าได้ไปโคชิเอง ครั้งที่สองคือตอนที่รู้ตัวว่าทีมแพ้ ตกรอบการแข่งขัน

ทำไมล่ะ ยังไงความฝันของเขาก็คือการได้มาโคชิเองไม่ใช่หรอ แค่นี้ก็สุดยอดแล้วแท้ๆ แต่น้ำตากลับไหลไม่หยุดซะงั้น

คงเป็นเพราะว่า … แท้จริงแล้วความฝันของการได้เป็นแชมป์โคชิเอง ก็ยังหลบซ่อนอยู่ในใจลึกๆของเขาไม่ได้หายไปไหนนั่นเอง

“นามิคาเสะ ไคโตะ จริงๆแล้วก็ยังคงหวังจะได้เป็นแชมป์โคชิเองอยู่ …..”

5

 

6

นามิคาเสะ ไคโตะ กำลังจะเรียนจบชั้นม.ปลายแล้ว”

 

จะว่าเขาคิดน้อยก็ได้ แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ความฝันของเขามันหยุดอยู่ที่โคชิเองตลอด

เขานั่งมองแผ่นกระดาษใบสอบถามเส้นทางอนาคตที่ว่างเปล่า เอาจริงๆมันก็ควรจะไม่ต้องมาคิดอะไรยากหรอก มาขนาดนี้แล้ว ยังไงเขาก็อยากที่จะเล่นเบสบอลต่อ อยากจะเป็นนักเบสบอลมืออาชีพ

แต่ไม่รู้ทำไม .. เขาถึงยังไม่เริ่มเติมช่องว่างในกระดาษนั้นเสียที

 

“พ่อ แม่ ผมจะเป็นนักเบสบอลอาชีพดีมั้ย?”

 

ไม่รู้ทำไม นามิคาเสะ ไคโตะ ที่มีเป้าหมายชัดเจนมาตลอดถึงได้ถามคำถามนี้ออกไปในระหว่างที่กำลังนั่งทานข้าวเย็นกับครอบครัว

“ก็เป็นสิลูก ลูกชอบเล่นเบสบอลนี่” พ่อของเขาตอบง่ายๆ บ้านของเขาเป็นอย่างนี้เสมอ ทั้งสองคนไม่เคยขัดขวางความฝันของเขา มีแต่สนับสนุนอยู่ตลอดเวลา

“พี่ไคโตะต้องเป็นนักเบสบอลสิ มินามิอยากเห็นพี่ไคโตะเล่นเบสบอลอีก!” น้องสาวคนเล็กเขาพูดแทรกขึ้นมาเสียงใส แม้ไม่ได้พูด แต่โทโมมิ น้องสาวคนโตก็พยักหน้ารัวๆสนับสนุน เขาถอนหายใจออกมา เอื้อมมือไปลูบผมน้องสาวเบาๆ

“แต่ถ้าพี่เป็นนักเบสบอลพี่ก็จะไม่ได้อยู่บ้าน ไม่มีเวลามาเล่นกับโทโมมิแล้วก็มินามินะ”

คำพูดนี้ของเขาทำให้น้องสาวทั้งสองหันมามองหน้ากันอย่างลังเลเลย เขาเงยหน้ากลับขึ้นไป ก็พบสายตาของคุณแม่กำลังมองมาอยู่

“ลูกไม่อยากเป็นนักเบสบอล เพราะกลัวว่าจะไม่มีใครช่วยแม่ดูแลบ้านหรอ”

คำถามของแม่ทำให้เขาต้องเงียบไป … ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน แล้วพยักหน้ารับอย่างปฏิเสธไม่ได้

“ตอนนี้น้องยังเด็กอยู่เลย ถ้าผมเข้าทีมใครจะช่วยแม่ดูแล ..”

“เห๊ะ??มีทีมมาชวนลูกเข้าแล้วหรอ?”

“ไม่ใช่แบบนั้นพ่อ แต่…” เขาสบตาทั้งสองคน “ผมก็แค่ไม่อยากให้พ่อกับแม่เหนื่อย”

“ไคโตะลูก พ่อกับแม่ไม่เหนื่อยหรอกนะ” แม่ของเขาตอบทันทีหลังจากที่เขาพูดจบ “ความฝันของลูกน่ะ มันไม่ได้ทำร้ายคนอื่นเลย อย่าหยุดมันเพียงเพราะลูกเห็นใจคนอื่นเลย ถ้าความฝันของลูกไม่เป็นจริงเพราะพ่อกับแม่ พ่อกับแม่ก็ไม่มีความสุขหรอกนะ”

น้ำเสียงและสายตาของแม่เขายังคงอ่อนโยนเหมือนเช่นเคย อีกทั้งคำพูดประโยคนั้นทำให้เขาพูดอะไรไม่ออกอีกเลยจนกระทั่งกินข้าวเสร็จ

6

 

7

“นามิคาเสะ ไคโตะ อยู่ในช่วงกำลังใช้ความคิด”

 

เรียกได้ว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่เขาใช้ความคิดหนักที่สุดตั้งแต่เกิดมาก็ว่าได้ แต่ช่วงเวลาจริงจังที่นานๆทีจะเกิดขึ้นของเขาก็ดันถูกขัดด้วยการโดนแก๊งเด็กๆลากให้ไปเล่นด้วยซะงั้น

 

“พี่ไคโตะ เมื่อไหร่พี่จะแข่งเบสบอลอีกล่ะ!”

เกนตะเจ้าตัวแสบประจำหมู่บ้านถามเขาเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ ซึ่งเขาก็ตอบคำตอบเดิมเสมอ

“เมื่อตอนที่นายยอมแบ่งไข่หวานให้พี่นั่นแหละ”

“ไม่มีทาง! ไข่หวานเป็นของผม” เจ้าตัวแสบโวยวายทันที ทำเอาเขาต้องหัวเราะลั่น อดไม่ได้ที่จะขยี้ผมเด็กน้อยจนยุ่งเหยิง

“พี่ไคโตะไปแข่งโคชิเองอีกทีไม่ได้หรอ”

“ได้ที่ไหนเล่า ปีหน้าพี่ไคโตะก็ไม่อยู่ม.ปลาย โคชิเองมันแค่สำหรับม.ปลายเท่านั้น” คราวนี้โทโมมิน้องสาวเขาเป็นคนตอบแทน เขาเองก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆ เจ้าคนถามที่มีชื่อว่าโกโร่ก็เหมือนจะไม่เข้าใจคำตอบซักเท่าไหร่ อีกไม่นานก็คงจะถามคำถามแบบเดิมอีกแหละ

 

“ป๊อบปูล่าจริงๆนะไคโตะ”

แต่เสียงถัดมาที่ได้ยินไม่ใช่เสียงใสๆเจื้อยแจ้วแบบของเด็กๆที่รายล้อมเขาอยู่ เขาเงยหน้าขึ้นมา และเจ้าของเสียงทำให้เขาต้องเบิกตากว้าง

 

“พี่ไดกิ!”

 

อุเอโนะ ไดกิ คนที่เป็นแรงบันดาลใจให้เขาอยากไปโคชิเอง หลังจากจบโคชิเองก็ได้ร่วมเข้าร่วมทีมหนึ่งในลีค NPB (Nippon Professional Baseball) และต่อมาก็ได้เข้าร่วมทีมของอเมริกา ลีคใหญ่ที่นู่นเพิ่งจบไป ตอนนี้คงเป็นช่วงพักร้อน

เขายังคงตาโต กี่ปีมาแล้วเขาก็จำไม่ได้ที่เขาได้เจอไดกิตัวเป็นๆ ล่าสุดที่เขาเห็นก็จากในทีวีนั่นแหละ

 

“มาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะพี่!?”

 

“แป๊บเดียวเอง พอมีเวลามั้ย ขอคุยด้วยหน่อยได้รึเปล่า?” ไดกิยิ้มให้เขา เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากพยักหน้าหงึกๆ หันไปบอกเด็กๆให้นั่งรอเขา แล้วก้าวเท้าเร็วๆตามคนตรงหน้าไป

 

7

 

 

8

“นามิคาเสะ ไคโตะ กำลังงงงวย”

 

“วันนี้ฉันกับพ่อตั้งใจมาเยี่ยมคุณอา แต่ว่าเห็นนายไม่อยู่บ้าน ได้ยินจากคุณอาว่าออกมาอยู่ที่สนามเด็กเล่นก็เลยออกมาตามหา” พี่ไดกิอธิบายในระหว่างที่เดินกันไปตามทาง ถึงไม่ได้เจอกันมานาน แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกประหม่ากับคนข้างๆสักเท่าไหร่ แต่ก็ยังคงสงสัยอยู่ว่าพี่ไดกิอยากจะคุยอะไรกับเขากันแน่ “ได้ยินมาจากคุณอาว่าลังเลว่าจะเดินสายนักเบสบอลมืออาชีพดีมั้ยหรอ?”

 

เขาเงียบไป ก่อนจะพยักหน้าหงึกๆ

 

“พี่ไดกิว่าผมจะทำยังไงดี? จริงๆผมก็อยากเดินสายนี้อย่างจริงจัง แต่ถ้าผมไปร่วมทีม ก็จะไม่มีคนช่วยแม่ดูแลโทโมมิกับมินามิ”

“ประเด็นนี้ฉันได้ยินมาว่าคุณอาก็อธิบายให้นายฟังไปแล้วนะ?”

เขาขยี้ผมตัวเองทันที “มันก็ใช่ แต่ .. ไม่รู้สิ เหมือนยังไม่มีอะไรจุดไฟในตัวผมล่ะมั้ง”

 

ไดกิไม่ได้พูดอะไร เจ้าตัวเบือนหน้าออกจากเขาไปมองยังถนน ความเงียบปกคลุมระหว่างเขาอยู่สักพักใหญ่ๆ

 

“เด็กๆที่อยู่ในสนามเด็กเล่นเมื่อกี้คือเด็กที่อยู่แถวนี้หรอ”

เขากระพริบตาปริบๆ “ฮะ ใช่”

“ใช่กลุ่มที่นายชอบไปเล่นเบสบอลด้วยมั้ย? เห็นคุณอาเล่าให้ฟัง”

“ช่ายยกลุ่มนั้นแหละะะ” เขาลากเสียงยาวเลย “เห็นแบบนั้นก็เล่นกันเก่งไม่เบาเลยนะ”

ไดกิฟังแล้วอมยิ้มนิดๆ ก่อนจะถามต่อ ประเด็นคำถามเปลี่ยนอีกแล้ว เขายังไม่เข้าใจจุดประสงค์อีกฝ่ายเท่าไหร่

 

“นายเล่นพิชเชอร์เป็นตำแหน่งหลักใช่มั้ย”

มันเป็นคำถามที่เขาตอบใช่ไปทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลา และไดกิก็ถามต่อทันที

“แต่นายก็น่าจะรู้ว่าตัวนายค่อนข้างตัวเล็กเมื่อเทียบกับความสูงมาตรฐานของนักเบสบอลทั่วไป การเป็นพิชเชอร์ที่ดีมันต้องใช้แรงเยอะมาก นายไหวหรอ?”

เขารู้สึกเหมือนลมหายใจสะดุด .. เหมือนอะไรที่เป็นปมอยู่ในใจถูกขุดขึ้นมาอีกครั้ง

“ผมก็เล่นผ่านมาได้แล้วนี่ พี่ก็เห็นอยู่”

“ใช่ แต่ในอนาคตมันจะหนักกว่านี้อีกนะ นายคิดว่านายจะไหวมั้ย?”

เขาเงียบไป .. คราวนี้เขาเองเป็นฝ่ายที่เบือนหน้าไปอีกทาง..

 

“ใช่ ผมรู้ว่ารูปร่างผมมันก็ธรรมดา .. ถือว่าตัวเล็กด้วยซ้ำ เอาจริงๆผมเองก็เคยเกือบจะถอดใจกับการเป็นพิชเชอร์หลายครั้งเพราะเรื่องนี้แหละ แต่ผมก็รู้สึกว่า พิชเชอร์คือตำแหน่งที่ผมชอบเล่นที่สุดแล้ว แล้วผมก็จะทิ้งความฝันกับเพราะเรื่องแค่นี้ไม่ได้”  พอได้พูดออกมา มันก็กลายเป็นประโยคยาวๆในทันที มันอาจจะเป็นเพราะเขาได้ทบทวนความรู้สึกตัวเองด้วยล่ะมั้ง

“แล้วอีกอย่าง อย่างที่พี่เห็น ผมมีน้องๆแถวบ้านที่สนิทหลายคน ทุกคนชอบเล่นเบสบอลกันหมดเลย แต่หลายๆคนก็จะมีความกลัวที่ทำให้ไม่กล้าจริงจังกับการเล่นเบสบอล ..อย่างเจ้าโกโร่ก็ชอบบอกว่าตัวเองแห้งไป ปาลูกสู้คนอื่นไม่ได้ หรืออย่างเกนตะก็จะกลัวว่าตัวเองอ้วนเกินไป จะไปวิ่งทันคนอื่นได้ยังไง .. เพราะฉะนั้น ..”

จนพูดมาถึงจุดนี้เขาก็ตาโตขึ้น จู่ๆก็รู้สึกเหมือนมีไฟบางอย่างจุดขึ้นในตัว “ผมก็เลยอยากจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็น ผมตั้งใจจะเป็นพิชเชอร์ .. ไม่สิ นักเบสบอลที่สุดยอดให้ได้ เพื่อให้เด็กๆทุกคนได้มองมาที่ผมแล้วคิดว่า ดูสิ ขนาดคนอย่างผมยังมายืนอยู่จุดนี้ได้เลย เพราะฉะนั้นพวกเขาก็ต้องทำได้อยู่แล้วล่ะครับ”

พูดจบเขาก็หันไปมองคนข้างๆทันที ไดกิกำลังยิ้มให้เขา ยิ้มที่เหมือนว่าเจ้าตัวกำลังรอคำพูดนี้ของเขาอยู่แล้ว

“ผมตัดสินใจได้แล้ว ผมจะเป็นนักเบสบอลมืออาชีพให้ได้”

“ฟังจากคำพูดนายเมื่อกี้ฉันก็รู้แล้วล่ะ” ไดกิพูดพร้อมรอยยิ้ม “นายน่ะมีไฟอยู่ในตัวนะไคโตะ บางทีมันอาจจะอ่อนไปบ้างแต่มันก็ยังคงติดอยู่เสมอ อย่าปล่อยให้มันดับง่ายๆล่ะ”

คำพูดนั้นของไดกิทำให้เขายิ้มกว้าง เขาพยักหน้าหงึกๆ

“ผมว่าผมนึกได้อีกอย่าง พี่ไดกิเคยเป็นความฝันให้ผม ผมตัดสินใจละ ผมเองก็อยากจะเป็นความฝันให้กับเจ้าพวกที่สนามเด็กเล่นเหมือนกัน”

ไดกิหัวเราะลั่นก่อนจะยื่นมือมาขยี้ผมเขา ทำเหมือนกับที่เคยทำกับเขาตอนที่เขาอยู่ป.3 ตอนที่เขาบอกกับไดกิว่าอยากจะไปโคชิเอง

8

 

 

9

ในที่สุด เขาก็ได้วางดินสอลงบนกระดาษเส้นทางอนาคตนี่

แน่นอนว่าเขาได้ไปพูดคุยกับพ่อแม่เรียบร้อย พ่อกับแม่ยิ้ม แล้วกอดเขา บอกว่าจะสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่ เขาเองก็กอดพ่อกับแม่กลับไปแน่นๆเช่นกัน

เขายิ้มกับตัวเอง ก่อนจะเริ่มเขียนเติมลงไปในช่องที่ว่างเปล่า เขาไม่รู้อนาคตจะเป็นอย่างไร แต่เขาเชื่อว่าความพยายามจะไม่มีทางทรยศเขา และเขาก็จะใช้ชีวิตแบบที่ไม่มีทางเสียใจภายหลังแน่นอน

 

9

“นามิคาเสะ ไคโตะ ความฝันคือนักเบสบอลมืออาชีพที่เก่งที่สุดในญี่ปุ่น!”

 


 

– สรุปไคโตะส่งชื่อสมัครใน NPB Draft ค่ะ (เป็นการคัดเลือกนักเบสบอลมือสมัครเล่นเข้าร่วมทีมในลีค NPB ของญี่ปุ่น) ซึ่งผลก็ออกมาว่าเจ้าตัวได้รับคัดเลือกเข้าทีมนึงในโอซาก้าค่ะ 🙂
– จริงๆไคโตะก็ดูไว้เผื่อแหละว่าถ้าไม่ติดทีม จะไปเรียนวิทย์กีฬาในมหาลัยใกล้บ้านก่อน (ตอนนี้ยังไม่เขียนเติมในใบเพราะไม่เท่ แต่เดี๋ยวอีกสักพักก็ต้องไปเติม(…))
– ไคโตะเป็นคาร์ที่เหมือนจะไม่มีอะไร แต่จริงๆแล้วก็มี ที่บ้านของไคโตะมีน้องเล็ก 2 คน คุณพ่อเองก็ทำงานหนัก คุณแม่ก็ไม่ได้แข็งแรงอะไรมาก เจ้าตัวเลยต้องช่วยที่บ้านดูแลน้องๆเสมอ การที่จะเข้าทีม จำเป็นจะต้องออกจากบ้านไป ทำให้ไคโตะเกิดความลังเลค่ะ
– (จริงๆไดกิเป็นซับคาร์ที่เคยคิดไว้นานมาก แต่ไม่เคยคิดชื่อ เพิ่งมาคิดได้สดๆร้อนๆเลย(…))
– ไม่ได้เขียนอะไรยาวๆแบบนี้มานานแล้ว แต่กับตัวละครตัวนี้ ถึงจะไม่ได้เล่นอะไรมากก็อยากจะเขียนถึงอนาคตและการตัดสินใจของเขาให้ชัดเจน รู้ตัวอีกทีก็ยาวขนาดนี้แล้วค่ะ ใครอ่านจนจบถึงบรรทัดนี้มาอวดเราหน่อยนะ เราจะให้จุ๊บหนึ่งทีเป็นรางวัล(…)

[TE] Ono Sakura

kirare_zpseaeacb82.png-original

รูปใหญ่ | รูปเต็มตัว

๏สกุล – ชื่อ : โอโนะ ซากุระ 小野愛咲

๏สัญชาติ : ญี่ปุ่น

๏ชั้นปี / อายุ : ปี3  / 17

๏นิสัย :

ซากุระเป็นสาวมัธยมทั่วๆไปที่พยายามจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่ ทั้งๆที่จริงๆแล้วเนื้อในของเธอก็ยังนิสัยเด็กอยู่ดี.. เธออยากจะเป็นคนที่เท่ดูพึ่งพาได้ เลยชอบเก๊กมาดขรึม เรียบร้อย ทำตัวสงบคูลๆ แต่สุดท้ายพอมีใครสะกิดต่อมก็เผลอแว้กเอาง่ายๆ(…)

เธอเป็นคนอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่ายหายเร็ว ขี้บ่น บางทีปากไม่ค่อยตรงกับใจ หมั่นไส้คนง่าย แต่ก็เลิกหมั่นไส้ง่ายเช่นกัน ซึ่งแน่นอนว่าลักษณะนิสัยเหล่านี้เธอพยายามจะเก็บเอาไว้ไม่แสดงออกอย่างเต็มที่

ซากุระเป็นคนที่มีความตั้งใจและรับผิดชอบสูง กล้าคิดกล้าทำกล้าพูด มั่นใจในตัวเอง ไม่ชอบเรื่องไม่ยุติธรรม

๏ส่วนสูง / น้ำหนัก : 158/44

๏สีผม/สีตา : ผมสีน้ำตาลอ่อน (ย้อม) / ตาสีฟ้าคราม

๏อาชีพ : นักเรียน

๏โรงเรียน : คิราเมคิ

บล็อก (exteen) : http://krrrrrrrt.exteen.com

wordpress https://krrrrrrrt.wordpress.com/

CV NAMI

อื่นๆ :

  • จริงๆแล้วอยู่คิราเมคิตั้งแต่ปี 1 อยู่ห้อง C แต่ไปแลกเปลี่ยนที่อเมริกามาปีนึง เพิ่งกลับมาญี่ปุ่นเมื่อช่วงปิดเทอม

๏Twitter@SakuraO_TE

Sakura.png