[TE: Mini Event] Toki Doki Blind Date 2017

คุณได้เปิดเว็บเพจเว็บนึงขึ้นมา

คุณอาจจะบังเอิญเสิร์ชเจอ..

อาจจะมีคนแชร์มา..

หรืออาจจะโดนเพื่อนบังคับให้อ่านลิ้งนี้..

แต่เอาเป็นว่าสุดท้ายคุณก็เปิดมันขึ้นมาอยู่ดีล่ะนะ..

 

 

และคุณก็พบกับข้อความนี้….

 

 

tebd

 

 

 

tkbdbanner copy

logo

นัดบอด คือการนัดพบกันของคนสองคนโดยที่ทั้งคู่ไม่เคยพบหรือรู้จักกันมาก่อน อาจเกิดจากการนัดหมายโดยเพื่อนหรือบุคคลใกล้ชิดโดยหวังว่าทั้งคู่จะกลายเป็นคู่รักกัน หรืออาจเป็นการนัดกันผ่านทางห้องสนทนาบนอินเทอร์เน็ต (อ้างอิงจากวิกิพิเดีย)

กิจกรรมToki Doki Blind Date เป็นกิจกรรมนัดบอดที่ทางเว็บบอร์ดชื่อดังเว็บหนึ่งจัดขึ้น ทางเว็บบอร์ดจะสุ่มจับคู่ผู้ร่วมกิจกรรมชายหญิงที่ลงชื่อทำกิจกรรม บอกสถานที่และภารกิจให้ผู้ร่วมกิจกรรมทำ

เป้าหมายของกิจกรรมคือการให้ผู้เล่นได้สานสัมพันธ์ และรู้จักคนใหม่ๆ

*ปีนี้มีปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมบางอย่าง รบกวนอ่านกติกาให้ละเอียดด้วยนะคะ*

ผู้ที่สามารถร่วมเล่นได้

───────────────────────────────────────────────────

– นักเรียนทุกคนที่มีรายชื่ออยู่ในเพจ และมีทวิตเตอร์ตัวละคร

– บุคลากร ศิษย์เก่า และชาวเมืองทุกคนที่มีชื่ออยู่ในเพจ และมีทวิตเตอร์ตัวละคร

 

*เรื่องผู้เล่นที่โดนแบล็คลิสไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมในปีนี้*

ตามที่ได้แจ้งไว้ในรอบที่แล้วเกี่ยวกับการแบล็คลิสคนที่ทิ้งโรลคู่เดทไปกลางคัน เราจะทัก DM ไปคุยกับคนที่จะโดนแบล็คลิสก่อนค่ะ โดยมีกฏตามนี้

กฏเกณฑ์การแบล็คลิส

– สำหรับคู่ที่ทำภารกิจกันสำเร็จ ถึงแม้จะโรลทั้งรูทไม่จบก็ไม่เป็นไรค่ะ

– สำหรับคู่ที่ยังทำภารกิตไม่สำเร็จเราจะทัก DM ไปแจ้งคนที่ไม่ตอบโรลก่อนค่ะ ถ้าหากว่าได้มีการไปตกลงคุยรูทหลังไมค์กันเรียบร้อยแล้วก็บอกเราได้ค่ะ

(สำหรับคนที่ไม่มีตัวละครอยู่ในคอมมูแล้วเราขออนุญาตไม่ไปแจ้งเพราะเห็นว่าไม่ได้สนใจในคอมมูนี้แล้วนะคะ)

ซึ่งกฏนี้จะนำมาใช้ในปีนี้ด้วยค่ะ บุคคลที่โดนแบล็คลิสจะต้องงดเข้าร่วมกิจกรรมไปปีนึง แต่สามารถกลับมาเข้าร่วมในปีถัดไปได้ค่ะ

เพราะฉะนั้นก็อยากจะขอให้ใส่ใจคู่กันด้วยนะคะ กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่ต้องใช้ความใส่ใจในกันและกัน แต่ถ้าหากโรลไม่จบแต่ไปโครูทอะไรกันเรียบร้อยก็มาแจ้งทางผู้จัดได้ที่ @Kaito_TE หรือ @TE_Temari ค่ะ

 

วิธีการเล่น (รบกวนอ่านให้ละเอียดนะคะ)

───────────────────────────────────────────────────

– จำนวนที่รับสมัคร

นักเรียน: ชาย 20 คน หญิง 20 คน

บุคลากร ศิษย์เก่า และชาวเมือง: ชาย 5 คน หญิง 5 คน

*หมายเหตุ การจับคู่จะแยกนักเรียนกับบุคลากรต่างหาก

จำกัดผปค 1 คนต่อตัวละคร 1 ตัวเท่านั้นในแต่ละประเภท

(ผปคคนนึงสามารถลงได้สูงสุดคือนักเรียน 1 คนและบุคลากร 1 คน)

– ผู้ที่ลงนั้นต้องมั่นใจว่าจะสามารถใส่ใจและดูแลคู่เดทของตัวเองได้ และไม่หายไปกลางคัน สำหรับผู้ที่ทิ้งคู่เดทไปกลางคันเราจะตัดสิทธิ์การเข้าร่วมกิจกรรมนี้ในปีหน้า โดยยึดหลักเกณฑ์ตามที่ได้กล่าวไว้ในพาร์ทผู้ที่สามารถร่วมเล่นได้ค่ผู้ที่สนใจ จะสามารถลงสมัครได้ในวันศุกร์ที่ 25 ส.ค. (จะทำการทวิตฟอร์มรับสมัครที่ @Kaito_TE หรือ @TE_Temari ตอนเวลา 21.00 น. ค่ะ)

ตัวอย่างแบบฟอร์มการสมัคร

explain1

*นามแฝงในเว็บบอร์ดคือนามแฝงที่คาร์ใช้ในการสมัครเข้าร่วมกิจกรรมค่ะ ex. Waiting for Love, Marine จะเป็นอะไรก็ได้เลย

ซึ่งจะสามารถตรวจสอบรายชื่อ(อัพแค่นามแฝง)ได้ในดอคนี้ค่ะ (อัพเดททุกวันค่ะ)

จะปิดรับสมัครในวันที่ 28 ส.ค. หรือเมื่อคนลงเต็มครบจำนวน แล้จะทำการสุ่มจับคู่

และ แปะลิ้ง ประกาศผลการสุ่ม วันที่ 30 ส.ค. ผ่านทวิตตัวละคร @Kaito_TE ค่ะ

รายละเอียดที่จะประกาศมีดังนี้

“นามแฝงของผู้เล่นที่คู่กัน+สัญลักษณ์การแต่งตัว+สถานที่เดท+แท็กที่ต้องใช้ในการโรล”

(สัญลักษณ์การแต่งตัว คือสิ่งที่ผู้เล่นที่คู่กัน จะถูกบังคับให้ใส่เหมือนกันเพื่อเป็นจุดสังเกตในการหาตัวอีกฝ่าย และต้องใส่จนกว่าจะทำภารกิจสำเร็จ)

 

ตัวอย่างการประกาศผลคู่

ss+(2560-08-20+at+02.43.56)

การจับคู่ทางเราจะแรนด้อมให้ค่ะ และจะไม่บอกชื่อจริงของตัวละคร จะประกาศคู่โดยใช้นามแฝง

ปีนี้มีการปรับกติกาในการทำภารกิจค่ะ รบกวนอ่านให้เข้าใจนะคะ หากมีข้อสงสัยสามารถถามได้ค่ะ

กติกาในการทำภารกิจ

  1. ทุกคนจะได้ภารกิจเหมือนกันหมดคือต้องตามหาสัญลักษณ์ของกิจกรรม(ภาพด้านล่าง)ในสถานที่ที่คู่ตัวเองโดนสุ่มได้แล้วถ่ายภาพคู่กับสัญลักษณ์ที่ตัวเองหาเจอ

logo

ไฟล์ใหญ่

  1. ทางเราจะมีคำใบ้ของสถานที่ที่อาจจะเจอสัญลักษณ์ได้บอกมาในตอนประกาศผลจับคู่ค่ะ (ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับคำใบ้นะคะ แค่เป็นไอเดียในการโรลเฉยๆ)
  2. หากคู่ไหนทำภารกิจเสร็จ ให้โรลเป็นส่งรูปถ่ายแจ้งมาที่ @Kaito_TE หรือ @TE_Temari พร้อมส่งลิ้งทวิตฉากที่โรลทำภารกิจสำเร็จแล้วค่ะ (แต่ไม่จำเป็นต้องวาดรูปมานะคะ แค่โรลเฉยๆก็ได้)
  3. ข้อแม้สำหรับผปคก็คือ คู่โรลจะต้องโรลกันอย่างต่ำ 30 เมนชั่น (รวมกัน นับตั้งแต่เริ่มโรล) ถึงจะให้ทำภารกิจสำเร็จได้นะคะ
  4. 5 คู่แรกที่ทำภารกิจสำเร็จเร็วสุด ตัวละครจะได้รับรางวัลเป็น บัตรกินฟรีบุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติของโรงแรม 5 ดาวจำนวนคู่ละ 2 ที่ค่ะticket
  5. หลังจากนั้นก็สามารถโรลเที่ยวกันได้ตามสบายเลยนะคะสิ่งที่ผู้ร่วมกิจกรรมต้องเตรียมเพื่อใช้ในวันนัดเดท
    1. ผู้เล่นต้องมีสัญลักษณ์ตามที่คนจัดกำหนดให้อยู่บนตัว (ex. ถือลูกโป่ง, แปะ tattoo)
    2. ผู้เล่นจะต้องเตรียมของขวัญมาแลกกับคู่เดทค่ะ เป็นของเล็กๆน้อยๆ ก็ได้ (ex. ขนม, สมุดโน้ต)

      -เริ่มโรลวันที่ 10 ก.ย. เวลา 19.00 น.

      เมื่อถึงเวลา ให้ผู้เล่นฝ่ายชายทวิตลอยโดยการแปะภาพ หรือเขียนระบุไว้ว่าสัญลักษณ์ที่ตลคใส่คืออะไร พร้อมทั้งติดแท็กที่กำหนดให้ไว้ด้วย และสามารถเช็คคู่ของตัวเองได้ทางแท็กของตัวเอง หรือทางทวิตที่ @Kaito_TE, @TE_Temari และ @Kusan_TE รีทวิตค่ะ

      ตัวอย่างการเล่น

      ───────────────────────────────────────────────────

      Marine, Waiting for Love + แว่นตามีหนวด + สวนสนุก + #BD00

      แต่ละคนพอได้เห็นนามแฝงของคู่ก็จะมีความคาดหวังต่างกันไปเนอะ!

      ผู้เล่นมาเจอกันที่สถานที่นัด พร้อมทั้งใส่สัญลักษณ์การแต่งตัวมาด้วย

      meetบางทีคู่ที่ได้ก็อาจจะไม่ตรงกับที่คาดฝันไว้(…)

      แล้วก็แลกของที่เตรียมไว้กับคู่เดท

      จากนั้นก็ปฏิบัติภารกิจกันไป (โรลอย่างต่ำ 30 เมนชั่นนะคะ) จนสำเร็จ!

       

      (เหตุการณ์ในข้างต้นเป็นเพียงแค่ตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้มีการเกิดขึ้นจริงแต่อย่างใดนะคะ)

      เสร็จแล้วก็แจ้งมาทาง @Kaito_TE หรือ @TE_Temari นะคะว่าภารกิจสำเร็จแล้ว!

      ทีนี้จะเข้าร่วมมั้ยก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณแล้วล่ะ…. 🙂

      แทคประจำอีเว้นท์

      ───────────────────────────────────────────────────

      – TE, TEBD

      อีเว้นนี้สามารถอัพเอนทรี่และนำไปแลกข้อมูลลับได้นะคะ ในการส่งอีเว้น หากเป็นภาพวาด ให้ผู้เล่นวาดภาพตลคถ่ายรูปด้วยกันที่สถานที่เดท หากเป็นฟิคก็ให้เขียนเล่าเหตุการณ์การเดทคร่าวๆค่ะ

      หากมีข้อสงสัยอะไร ให้สอบถามมาได้ที่ @Kaito_TE หรือ @TE_Temari นะคะ

     

 

 

 

[TE] Nagahara Masato’s Side Story I : Goal

 

GOAL

1-1

          “ดีจังเลยนะคะ เหมือน ‘เธอคนนั้น’ คือแรงบันดาลใจของคุณเลย น่าอิจฉาจัง”

          ‘เธอ’ บีบมือของผมเบาๆหลังจากทีผมพูดถึง ‘เธอคนนั้น’ ให้ฟัง

          ดวงตาของเธอสวย เป็นประกาย ดูน่าหลงใหล แต่ในบางทีผมก็เดาไม่ออกเหมือนกันว่าเธอคิดอะไรอยู่ต้องการอะไรอยู่กันแน่เช่นเดียวกับคำพูดของเธอในตอนนี้ ผมไม่มั่นใจว่าความนัยของคำพูดนั้นคืออะไรกันแน่

          แต่ถึงอย่างนั้น ประโยคที่เธอกล่าวมามันกลับกระทบส่วนลึกในใจผม ขุดตะกอนที่ตกค้างลึกลงไปให้กลับลอยขึ้นมาอีกครั้ง

          “แรงบันดาลใจงั้นเหรอ…” ผมหลุบตาลง ขยับยิ้มออกมา ไม่แน่ใจว่าตัวเองทำสีหน้าแบบไหนอยู่ในตอนนี้ แต่มันคงไม่ใช่สีหน้าที่ดูดีเท่าไหร่แน่นอน

          แรงบันดาลใจ..

          บางทีถึงแม้จะอยากยึดสิ่งนั้นเป็นแรงบันดาลใจแค่ไหนแต่มันก็เป็นไปไม่ได้นี่นะ..

          ภาพของ ‘เธอคนนั้น’ มันไม่เคยหายไปไหน มันอยู่ในส่วนลึกเป็นส่วนนึงของความทรงจำ และในตอนนี้มันก็ถูกขุดขึ้นมาอีกครั้งพร้อมภาพเหตุการณ์ต่างๆที่ชัดมากขึ้น

 


 

(กดฟังเพลงนี้ แต่เปิดเบาๆนะ)

2

          ผมคิดว่าตัวเองมีเป้าหมายในชีวิตมาตลอดตั้งแต่เด็ก

          เป้าหมายนั้นมันอาจจะไม่ชัดเจนบ้างในบางครั้ง เพราะภาระหน้าที่ บุคคลรอบข้างที่กดดัน รวมถึงคำกล่าวที่ว่า ‘นายไม่มีทางประสบความสำเร็จในด้านนี้หรอก’ มันทำให้ในบางครั้งผมก็ไม่กล้ายอมรับในเป้าหมายของตัวเองด้วยเพราะกลัวจะทำให้คนอื่นผิดหวัง แต่ผมก็รู้ตัวมาตลอดว่าลึกๆแล้วสิ่งที่ตัวเองชอบที่สุดคือ ‘การถ่ายรูป’

          จากตอนแรกที่สนใจแค่เรื่องการถ่ายรูปเป้าหมายของผมมันก็ขยายใหญ่มากขึ้น ผมอยากจะออกเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆทั่วโลก พบเจอในสิ่งที่คนอื่นไม่เคยพบ เรียนรู้ในสิ่งที่คนอื่นไม่เคยเรียนรู้ เก็บภาพความประทับใจต่างๆไว้

          เป้าหมายใหม่ของผมคือ ”การเดินทาง

          นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ผมเริ่มเก็บเงินตั้งแต่มหาลัย จนหลังจากที่เริ่มทำงานได้ 3 ปี ได้เงินทุนพอสมควร ผมก็ตัดสินใจออกเดินทาง

          ผมเริ่มต้นตั้งแต่ตอนใต้ของรัสเซีย ผ่านมองโกเลียลงมาจีน เวียดนาม ลาว พม่า ใช้เวลาหนึ่งปีเต็มจนในที่สุดผมก็มาถึงประเทศไทย หนึ่งปีที่ผ่านมาจะนับว่าเร็วก็เร็ว จะนับว่าช้าก็ช้า ผมพบเจอเรื่องไม่ดีก็เยอะ ไหนจะโดนขโมยของ ไม่มีของกิน ไม่มีที่นอน ท้องเสียในตอนที่ต้องนั่งยืนบนรถติดต่อกัน 6 ชั่วโมงก็เคยมาแล้ว แต่ผมก็มักจะปลอบตัวเองเสมอว่ามันก็มีเรื่องดีๆหลายอย่างเกิดขึ้น ผมได้พบเจอเพื่อนใหม่ๆ ได้ออกเดินทางด้วยกันในบางที ได้ถ่ายรูปเก็บภาพสวยๆ เห็นในหลายๆสิ่งอย่างที่ผมวาดฝัน

          แต่จู่ๆมันก็มาถึงจุดนึงที่ผมเริ่มรู้สึกเปลี่ยนแปลงไป

          ในตอนที่ผมอยู่ที่ประเทศไทย ตอนที่ผมหยุดยืนอยู่หน้าสถานที่แห่งหนึ่งที่คนเขาพูดกันว่าเป็นหนึงในสถาปัตยกรรมที่สวยที่สุดในโลก ถามว่าสวยมั้ย มันก็สวย แต่ผมกลับไม่มีความรู้สึกอยากแม้แต่จะยกกล้องขึ้นมาถ่ายภาพเก็บไว้

          มันเป็นวันที่ผมรับรู้ว่าผมสูญเสียเป้าหมายของตัวเองไปแล้ว

          ยิ่งเดินทางไปไกลเท่าไหร่ผมก็ยิ่งเดินทางต่อ เดินทางไปเรื่อยๆ จนผมไม่รู้ว่าผมควรหยุดที่ไหนกันแน่ ผมไม่รู้ว่าสรุปตัวเองต้องการอะไร แค่เดินทางไปเรื่อยๆงั้นหรอ? มันดูเป็นอะไรลมๆแล้งๆไม่ต่างจากที่เคยโดนปรามาสไว้เลย

          การไม่มีเป้าหมายหรือไร้แรงบันดาลใจดูน่าเศร้าแล้ว แต่การที่ค้นพบว่าจริงๆแล้วตัวเองไม่มีสิ่งนั้นเลยทั้งๆที่คิดว่ามีมาตลอดมันน่าเศร้ายิ่งกว่าอีก

 

          นับจากวันนั้นผมเริ่มตั้งคำถามกับชีวิตตัวเอง

          จนกระทั่งวันนึงผมแวะมาที่ร้านอาหารเล็กๆข้างทางเพื่อหาอาหารกลางวัน ในร้านไม่มีเมนูภาษาอังกฤษเลยและพนักงานในร้านก็ไม่มีใครสื่อสารกับผมได้เช่นกัน ผมอยากจะตะโกนบอกพนักงานที่ทำหน้าบูดใส่ผมเหลือเกินว่าผมเองก็ไม่ได้อยากจะสร้างความลำบากในการสั่งอาหารนักหรอก แต่ผมพูดภาษาพวกคุณไม่ได้นี่นา

          ตอนนั้นเองก็มีมือๆนึงวางที่บนไหล่ผม

          “ถ้าเป็นหมูคุณพอจะกินได้มั้ย?”

          นี่คือตอนที่ผมได้พบกับ ‘เธอคนนั้น’

3

          ‘เธอคนนั้น’ ถามผมเป็นภาษาอังกฤษ ผมในตอนนั้นที่ยังงงงวยอยู่ทำอะไรไม่ได้นอกจากพยักหน้าไป เธอคนนั้นหันไปคุยกับพนักงานด้วยภาษาที่ผมฟังไม่ออก ก่อนจะหันกลับมายิ้มให้ผม

          “ฉันสั่งเป็นหมูทอดกับกระเทียม คุณเป็นคนเอเชียคุณน่าจะกินกระเทียมได้เนอะ? ฉันสั่งไข่ดาวให้คุณไปด้วยเพราะคุณเป็นผู้ชายน่าจะกินเยอะ”

          “แล้วคุณมาแบคแพคคนเดียวหรอ? ยังไงก็มานั่งกับฉันมั้ย? ฉันก็มาเที่ยวคนเดียวเหมือนกันน่ะ”

          รู้ตัวอีกทีผมก็มานั่งที่โต๊ะเดียวกับเธอคนนั้นแล้ว….

          ‘เซลีน’ คือชื่อของเธอ หญิงสาวผมบลอนด์สั้น นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม ท่าทางดูกระฉับกระเฉง เธอเป็นลูกครึ่งฝรั่งเศส-ญี่ปุ่นทำให้เธอตื่นเต้นมากตอนทีได้เจอผมที่มีเชื้อชาติเดียวกัน (ตื่นเต้นแค่เพราะเชื้อชาติ เพราะเธอไม่เก่งภาษาญี่ปุ่นเท่าไหร่ เรายังสื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษตลอด) เซลีนเองก็มาแบคแพคเหมือนกัน แต่เธอมาอาศัยอยู่กับเพื่อนคนไทยของเธอที่เจอกันตอนไปท่องเที่ยวแอฟริกา

          เซลีนอายุมากกว่าผม เธอเป็นคนชอบท่องเที่ยวแถมยังเคยไปท่องเที่ยวมาแล้วหลายที่เราสองคนคุยกันถูกคอมากๆ ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่าแต่ผมรู้สึกว่าเธอเข้าใจผมผมเลยตัดสินใจเล่าความกังวลใจของตัวเองในตอนนี้ให้เธอฟัง

          หลังจากที่ได้ยินเรื่องราวเธอก็ส่งยิ้มตอบกลับมาให้ผม เธอบอกว่าเธอเข้าใจดีเพราะเธอก็เคยเป็นเหมือนกัน มันเป็นเรื่องปกติของคนที่เที่ยวเยอะๆที่จู่ๆก็จะรู้สึกอิ่มตัวกับการเดินทาง มองไปทางไหนก็รู้สึกเบื่อ ไม่สวย ไม่ตื่นตาตื่นใจ ผมได้ยินแบบนั้นก็เลยถามเซลีนว่าแล้วเธอแก้ไขปัญหานี้ยังไง

          เซลีนยิ้มแล้วตอบผม

          “อย่าเรียกมันว่าปัญหาเลย คุณก็แค่ต้องการเวลาคิดทบทวนตัวเอง ลองหยุดอยู่ที่เดิมสักพักนึงสิ เผื่อภาพอะไรหลายๆอย่างมันจะชัดขึ้น”

          เป็นคำพูดที่ฟังดูเข้าใจยาก แต่ก็น่าแปลกที่ผมเข้าใจมัน

          ผมยิ้มรับคำพูดนั้น แล้วนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของวันเวลาที่ใช้ร่วมกับเธอ

 


 

          หลังจากนั้นผมก็กินข้าวหมูกระเทียมไข่ดาวแทบทุกวัน

          ไม่ใช่อะไรหรอก.. มันก็แค่เพราะว่าผมพูดเมนูอื่นไม่เป็นแล้ว แล้วมันก็เป็นทิฏฐิของผมเองด้วยที่อยากจะพูดภาษาไทยตอนสั่งอาหาร แล้วผมก็พูดเป็นแค่อย่างเดียวบวกกับผมไม่อยากถามคำแปลของเมนูอื่นๆด้วย

          เซลีนขำเป็นบ้าเป็นหลังตอนที่รู้เหตุผลที่ผมสั่งแต่หมูกระเทียม แต่ผมก็ไม่แคร์หรอก (อีโก้สูง)

          หลังจากที่ผมได้พูดคุยกับเซลีนเธอก็พาผมไปพบ ‘ปาย’ เพื่อนคนไทยของเธอที่เปิดร้านอาหารอีกร้านอยู่ในจังหวัดไม่ไกลจากจุดที่ผมพบกับเซลีนนัก เซลีนได้บอกปายเรื่องผม ปายเสนอให้ผมมาอาศัยอยู่ด้วยชั่วคราวแลกกับการที่ผมจะคอยช่วยงานต่างๆและจ่ายค่าอยู่อาศัยพื้นฐาน

          ฟังดูตลกดี ที่จู่ๆก็มาอาศัยกับคนที่เพิ่งเจอกัน แต่มันก็เหมือนกับที่มีคำกล่าวไว้ว่ายังไงการเดินทางก็มักจะพาสิ่งที่ไม่คาดฝันมาหาพวกเราอยู่แล้วและสิ่งเหล่านั้นก็มักจะนำพาไปสู่เรื่องดีๆเสมอ ซึ่งผมก็เชื่อแบบนั้น

          แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าพวกเราจะอยู่แต่ในบ้าน พวกเราออกเดินทางไปเที่ยวตามที่ต่างๆเหมือนกันทั้งทะเล ทั้งภูเขา ในเมือง บางทีก็เป็นผม เซลีน ปาย บางทีก็มีเพื่อนคนอื่นของปายด้วย แต่หลักๆก็จะเป็นผมกับเซลีนที่เดินทางด้วยกัน

          จริงๆประเทศนี้เป็นประเทศที่ผมแพลนจะอยู่นานตั้งแต่ตอนคิดจะออกเดินทางตอนแรกแล้ว ผมเห็นว่ามีหลายๆที่ที่ผมควรจะไปซึ่งมันไม่สามารถไปได้หมดในระยะเวลาแค่สั้นๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเซลีนทำให้การเดินทางของผมสนุกมากขึ้น

          เซลีนเป็นคนตลก คุยเก่ง เธอมักจะชอบเล่าเรื่องราวต่างๆที่เธอเคยเจอมาให้ผมฟังทำให้ผมขำเป็นบ้าเป็นหลัง เรามีความชอบและความคิดหลายๆอย่างใกล้เคียงกันทำให้เรามักจะมานั่งพูดคุยเรื่องภาพที่พวกเราวาดฝันไว้ในอนาคตอยู่บ่อยๆ ผมบอกเธอไปว่าผมอยากจะเป็นช่างภาพสายธรรมชาติที่ได้ทำงานกับนิตยสารระดับโลก ส่วนเซลีนก็บอกผมว่าเธออยากจะเป็นนักเขียนเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางของเธอให้คนอื่นได้รับรู้

          เซลีนมักจะมีอะไรมาเซอร์ไพรส์ผมเสมอทั้งที่ตัวเธอตั้งใจทำและไม่ได้ตั้งใจ พอรู้ตัวอีกทีผมก็ไม่สามารถละสายตาไปจากเธอได้แล้ว ผมชอบมองเวลาเธอยิ้ม ชอบมองเวลาเธอยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปผม มองปลายนิ้วที่ค่อยๆกดลงไปบนชัตเตอร์

          บางทีสิ่งที่ไม่คาดฝันที่ดีที่สุดในทริปนี้สำหรับผมอาจจะคือเธอก็ได้

          วันที่ผมกับเซลีนเปิดใจกันมันไม่ได้โรแมนติกอะไรมากมาย มันเป็นวันที่ผมขึ้นไปตั้งแคมป์กับเธอและเพื่อนของปายบนภูเขา เรานั่งดื่มเบียร์กัน มองดูท้องฟ้าไปเพลินๆ

          “เดินทางกับคุณสนุกดีนะ” ผมบอกเซลีนไปแบบนี้

          “แน่ล่ะ เรื่องนั้นฉันรู้อยู่แล้ว”

          “ผมว่าผมอยากเดินทางกับคุณอีก”

          “เดี๋ยวอาทิตย์หน้าพวกเราก็จะไปน้ำตกกันไม่ใช่หรอ”

          “ไม่ใช่” ผมส่ายหน้า “ผมหมายถึงหลังทริปในประเทศไทยนี้จบไปต่างหาก”

          เซลีนไม่ได้ตอบอะไรหลังจากนั้น เธอยิ้ม แล้วใบหน้าพวกเราก็เลื่อนเข้าหากัน

          ไม่ได้มีคำพูดบอกรักหรือคำพูดผูกมัดอะไร แต่ผมรู้สึกว่าเธอเข้าใจผม และผมก็เข้าใจเธอ

          ผมคิดว่าผมเจอแรงบันดาลใจของผมแล้ว …

 

 

          ปล.หลังจากนั้นผมก็ไปถามปายขอคำแนะนำเกี่ยวกับเมนูอื่นๆที่น่ากิน แน่นอนล่ะ กินกระเทียมก่อนที่จะไปจูบกับคนที่คุณชอบมันไม่ดีหรอกจริงมั้ย?

4


 

          ความสัมพันธ์ของผมกับเซลีนจบลงหลักจากที่แปดเดือนในประเทศไทยของผมผ่านไป

          มันไม่ได้เป็นอะไรที่ซับซ้อน พวกเราอยู่ที่นี่กันมานานถึงเวลาที่จะต้องเดินต่อสักที

          เซลีนจะกลับฝรั่งเศส ส่วนผมจะเดินทางไปยังประเทศทางใต้ต่อ ในตอนนั้นผมตัดสินใจกับตัวเองว่าอยากจะทำอะไรให้ชัดเจนขึ้นเสียที ผมบอกเซลีนว่าหลังจากที่ผมกลับญี่ปุ่นผมจะเก็บเงินแล้วเดินทางไปฝรั่งเศส ระหว่างนั้นช่วยรอผมหน่อยได้มั้ย

          ปฏิกิริยาเซลีนต่างจากที่ผมคาดไว้ สีหน้าของเธอดูอึ้งไป ถึงเธอจะขยับยิ้มตามออกมาแต่มันก็ไม่ใช่รอยยิ้มที่ทำให้ผมสบายใจเลย

          “ขอโทษนะ.. ฉันกะจะบอกคุณหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่มีโอกาส ฉันมีคู่หมั้นอยู่ที่ฝรั่งเศสแล้วน่ะ ฉันขอเขามาท่องเที่ยวแบบที่ฉันชอบก่อนที่เราจะแต่งงานกันหลังจากที่ฉันกลับไป”

          ผมยืนนิ่ง ไม่ได้มีคำพูดอะไรออกมาจากปาก เซลีนยังคงมองผมด้วยสีหน้าลำบากใจ

          “อย่าบอกนะว่าคุณคิดจะจริงจังกับความสัมพันธ์ของพวกเราน่ะ? ยังไงนักเดินทางอย่างพวกเรา ความสัมพันธ์พวกนี้มันก็เป็นสิ่งที่เอาไว้แก้เหงาเฉยๆไม่ใช่เหรอ?”

          ตอนนั้นผมอยากจะร้องไห้ อยากจะตะโกนบอกเธอว่าก็เพราะคำแนะนำของเธอไม่ใช่รึไงที่ให้ผมหยุดอยู่กับที่สักพักนึงเพื่อหาคำตอบของตัวเอง และแรงบันดาลใจที่ผมค้นพบก็คือเธอ ผมชอบเธอเพราะผมเข้าใจว่าความคิดพวกเราเหมือนกัน เรามีความฝันที่จะเดินทางและได้อยู่ด้วยกัน แต่สุดท้ายแล้วกลายเป็นว่าผมเข้าใจผิดไปเองทั้งนั้นหรอ?

          แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้พูดอะไรเหล่านี้ออกไป ผมได้แต่ยิ้มและกล่าวอวยพรกับเธอ

          นั่นคือการจากลาของผมกับเซลีน

          และจากการอยู่มา 8 เดือนกับเธอทำให้ผมรับรู้ความจริงเพิ่มขึ้น 3 อย่าง

          หนึ่ง อะไรหลายๆอย่างที่ผมคิดว่าผมเข้าใจดี แต่สุดท้ายถ้าผมไม่เคยยืนยันความถูกต้อง มันก็อาจจะกลายเป็นว่าสิ่งนั้นผมไม่เคยเข้าใจถูกเลย เหมือนกับการที่ผมเข้าใจไปเองตลอดว่าผมเข้าใจความรู้สึกเซลีนดีแล้ว

          สอง ยังไงซะ คนอย่างผมที่มักจะเดินทางอยู่ตลอดก็ไม่เหมาะกับความสัมพันธ์ที่ผูกมัดกับใครทั้งนั้น

          สาม ถึงแม้เราจะอยากได้อะไรสักอย่างมาเป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเอง แต่สุดท้ายแล้วมันก็อาจจะเป็นไปไม่ได้ที่เราจะยึดถือสิ่งนั้นไว้ได้ตลอด …

          หลังจากนั้นผมก็ยังเดินทางต่ออีกสี่เดือน ลงใต้จนไปสุดที่อินโดนีเซีย แม้ความรู้สึกว่างเปล่าในใจผมยังคงมีอยู่แต่ผมก็ยังอยากเดินทางต่อ มันกลายเป็นชีวิตผมไปแล้ว ผมยังเชื่อว่าผมอาจจะหาเป้าหมายและแรงบันดาลใจของตัวเองจากการเดินทางได้

          ในที่สุดผมก็ตัดสินใจกลับญี่ปุ่น ส่วนหนึ่งก็เพราะกลับมาเก็บเงินเพื่อตั้งตัวใหม่สำหรับการเดินทางที่ไกลกว่าเดิมในอนาคต แต่อีกส่วนนึงก็อาจจะเป็นเพราะว่าผมอยากจะลองหยุดอยู่กับที่สักพักนึงล่ะก็เป็นได้

6


 

          หลังจากกลับมาญี่ปุ่นผมก็ได้กลับมาเช็คโซเชียลอีกครั้ง สิ่งแรกที่ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอผมคือภาพงานแต่งงานของเซลีนกับคู่หมั้นของเธอที่เธอเคยบอกผม

          ผมมองภาพนั้นอยู่สักพักใหญ่ๆ มือค้างอยู่ที่คีย์บอร์ดมือถือนานพอสมควร แต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจพิมพ์แสดงความยินดีกับเธอไป ซึ่งก็ได้รับคำตอบเป็นคำขอบคุณ พร้อมข้อความว่าเธอคิดถึงผมมาก

          นั่นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวหลังจากที่ผมจากเธอมาที่ผมได้ติดต่อกับเซลีน

          แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้คิดว่าการจากลาของผมกับเธอเป็นสิ่งที่แย่ ผมยังกดไลค์รูปภาพของเธอบ้าง เธอเองก็เข้ามากดไลค์รูปถ่ายของผมบ้างเช่นกัน ผมไม่ได้เกลียดเธอ ยังไงซะช่วงเวลาที่ผมอยู่กับเธอก็เป็นช่วงที่ผมมีความสุขจริงๆ และเซลีนก็มีความสุขเช่นกัน

          มันก็แค่ผมเข้าใจผิดไปเองบ้างเท่านั้น

          ผมไม่เคยลืมเซลีน แต่ผมก็ไม่ได้ยึดติดกับเธอ ผมไม่เคยนึกเกลียดตัวตนของตัวเองในปัจจุบัน เพราะฉะนั้นมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ผมต้องลบคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำให้ผมเป็นผมทุกวันนี้ออกไปจากความทรงจำ

          ยังไงซะ พอมองย้อนกลับไปผมก็ไม่เคยนึกเสียใจกับวันที่ผ่านมาเลย

 

5

(กดหยุดเพลง)

 


 

          “คุณคิดว่าอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกผิดหวังกับ ‘เธอคนนั้น’ คะ?”

          เธอถามผม ดวงตาของเธอยังคงจับจ้องมา

          ตอนนี้ผมกับ ‘เธอ’ กำลังเล่นเกมกันอยู่ พวกเราจะผลัดกันถามคำถามและผลัดกันตอบ ผมจะถามถึง ‘เขาคนนั้น’ ของเธอ ส่วนเธอเองก็จะถามถึง ‘เธอคนนั้น’ ของผมเช่นกัน

          พอได้ยินคำถามนั้นผมก็เหลือบตาไปอีกทางเพื่อใช้ความคิด

          “ผิดหวังหรอ.. ไม่รู้สิ” ผมแค่นยิ้มออกมาก่อนจะหัวเราะเบาๆ “คงเป็นตอนที่ผมรู้ว่าจริงๆแล้วความฝันของเธอมันไม่เหมือนกันเลย และเธอเองก็ไม่สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้ผมได้ล่ะมั้ง…”

          “อย่างงั้นหรอคะ? มันสวนทางกันเลยรึเปล่านะ?”

          “มันไม่ใช่เพราะความฝันมันสวนทางกันหรอก มันก็แค่เพราะว่าเธอคนนั้นมีคนที่รอและตั้งใจจะใช้ชีวิตร่วมกันอยู่แล้วน่ะ”

          ดวงตาที่เป็นประกายของเธอไหววูบทันที ทั้งๆที่ในหลายๆทีผมเดาความรู้สึกในดวงตาของเธอไม่ออกแท้ๆ แต่ครั้งนี้มันชัดเจนมากว่าเธอรู้สึกเสียใจแทนผม

          รู้สึกแย่เหมือนกัน ที่มองออกแต่อะไรแบบนี้..

          “ฉันกอดคุณได้มั้ยคะ?” เธอถามขึ้นมา มันเป็นคำถามที่ไม่ควรจะต้องถามเลยเพราะยังไงผมก็ไม่ปฏิเสธมันอยู่แล้ว ผมหัวเราะหน่อยๆ เอียงตัวเข้าหาอีกฝ่ายพร้อมอ้าแขนให้ เธอเองก็ขยับเข้ามาหาผมแล้วสวมกอดพร้อมลูบหลังเบาๆ รู้สึกแปลกๆเหมือนกันที่โดนคนอายุน้อยกว่าลูบหลังแบบนี้

          “ดูแปลกๆดีจังที่ฉันมาลูบหลังคนอายุมากกว่าแบบนี้” เธอพูดขึ้นมาราวกับรู้ใจผม ซึ่งผมก็หัวเราะเบาๆไปเป็นคำตอบ

          ก่อนหน้านี้ผมก็ยังไม่มั่นใจว่าเป้าหมายของผมคืออะไร ผมยังมีความคิดที่จะเดินทางต่อ จนได้เจอกับ ‘เธอ’ ผมก็เริ่มคิดต่างไปจากเดิม

          ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากให้เธอเป็นเป้าหมายของผมได้

          ไม่ใช่แค่แรงบันดาลใจ แต่คือเป้าหมายสำหรับทิศทางของชีวิต

          ถ้าเป็นได้ก็คงดี..

          ผมสวมกอดเธอแน่นขึ้นกว่าเดิม ในตอนนั้นจู่ๆก็มีความคิดใหม่ผุดขึ้นมาในใจ

          นอกจากผมจะหาเป้าหมายให้ตัวเองได้แล้ว ถ้าผมเองสามารถเป็นเป้าหมายให้ใครสักคนได้ก็คงดีเหมือนกัน

 

7

 

 

 

-FIN-


 

-เป็น Side Story ของมาซาโตะค่ะ เรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางก่อนที่จะมาเข้าทำงานที่ฮาบาทากิของมาซาโตะ และก็เกี่ยวกับคนที่มาซาโตะเคยชอบ

-เอาจริงๆตอนแรกคาร์มาซาโตะเป็นคาร์ที่ในตอนแรกเราคิดว่าคงไม่มีซับซ้อนอะไรและเป้าหมายก็ชัดเจน แต่พอมานั่งนึกทบทวนดูดีๆแล้วมันกลับไม่ใช่เลย มันมีหลายๆอย่างที่กลวงและดูว่างเปล่าเป็นตัวละครที่ทำให้ปวดเฮ้ดได้บ่อยกว่าที่คิดมากค่ะ /กุมขมับ

-มาซาโตะเป็นตัวละครที่มีความติสมากๆในหมู่คาร์เรา บางทีเขียนไปเราก็งงๆความคิดเขาเหมือนกันค่ะ(..) กว่าจะเรียบเรียงได้นี่ลากเลือด55555

-จริงๆอยากเขียนเกี่ยวกับเรื่องในอดีตของมาซาโตะมาตั้งนานแล้ว แต่ว่าไม่มีโอกาสสักที บังเอิญว่าสตอรี่ตรงนี้ถูกปลดได้ก็เลยถือโอกาสมาเขียนค่ะ!

-ส่วนตัวเราว่าชีวิตของมาซาโตะโดยรวมเหมาะกับเพลง The Nights ของ Avicii มากๆ แต่พอเป็นพาร์ทที่เกี่ยวกับ ‘เธอคนนั้น’ หรือก็คือ ‘เซลีน’ เรากลับรู้สึกว่ามันเหมาะกับเพลง ‘The Days’ ตอนเราเขียนสตอรี่อันนี้เราฟังเพลงนี้ตลอดเลยค่ะ เลยเอามาแปะให้ลองฟังกันด้วย (แต่ที่ให้เปิดเบาๆเพราะบีทมันหนักทำให้เสียสมาธิได้พอสมควรเลยอะ–)

-ส่วน ‘เธอ’ ในสตอรี่อันนี้เป็นตัวละครลับค่ะ(?) แต่คิดว่าถ้ามีโอกาส/เวลาก็อยากจะเขียนถึงเธอโดยเฉพาะบ้างเหมือนกัน

-ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ! หวังว่าจะอ่านแล้วเข้าใจบ้าง แต่ถ้างงเราก็เข้าใจค่ะ เราเขียนเองก็งงเองเหมือนกัน(อ้าว)

[TE] Honjou Kenma

 

hane-banner

เหมือนเป็นทาสทีอี—


 

“วันนี้เป็นวันที่ดีมากๆเลยเนอะ ว่ามั้ย?”

“เพราะเธอทำให้ผมมีความสุขมากๆเลย ขอบคุณมากๆจริงๆ”

kenma-template-

สกุล – ชื่อ : 本城 健真 ฮอนโจ เคนมะ

สัญชาติ : ญี่ปุ่น

ชั้นปี: 1

อายุ : 17 ปี

ส่วนสูง / น้ำหนัก : 176/70

สีผม/สีตา : ทองขาว / แดงเลือดหมู

อาชีพ : นักเรียน

โรงเรียน : ฮาเนงาซากิ

นิสัย :

-เป็นคนที่มองโลกในแง่ดีมากๆคนนึง ไม่ได้โลกสวยเว่อวัง แค่มองตามความจริงโดยพยายามมองในแง่บวกและหาทางออกของมัน

-มีคติประจำตัวว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีคุณค่าในตัวของมัน และ ปัญหาทุกอย่างมีทางออกเสมอ

-ค่อนข้างร่าเริง ยิ้มง่าย หัวเราะง่าย ชอบเห็นทุกคนมีความสุข(นางงา—)

-เป็นคนใจดี ใส่ใจคนอื่น ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ไม่คิดร้ายกับใคร

-เป็นพวกที่ทนกับสถานการณ์เศร้าๆไม่ค่อยจะได้ เวลาคนเศร้ามักจะทำอะไรไม่ถูก ทำได้แค่เชียร์อัพ

-ไม่ชอบทำร้ายจิตใจใคร แต่ถ้าพิจารณาแล้วว่ามันสมควรก็เลือกที่จะพูดตรงๆ

-ใจเย็น โกรธคนยาก เอาจริงคือแทบไม่เคยโกรธใครเลยด้วย แต่ถ้าจะโกรธใคร เรื่องนั้นก็ต้องร้ายแรงมากๆ

-มนุษย์ยังไงก็ได้ คือใครว่ายังไงก็ว่าตาม ใครแนะนำอะไรก็เอาแบบนั้น ไม่ค่อยเรื่องมาก

-(เอาจริงๆก็ไม่ใช่คนละเอียดอ่อนสักเท่าไหร่หรอก แถมยังชอบหนีปัญหาของตัวเองด้วย)

อื่นๆ:

-เป็นคนที่พูดจาสุภาพกับผู้ใหญ่ จะแทนตัวเองว่า ผม กับ เธอ/นาย กับเพื่อนๆและรุ่นน้อง

Twitter: @Kenma_TE

CV: (เดี๋ยวอัพเดทค่า)

kenma.jpg

ฝากลูกชายคนใหม่ไว้ด้วยนะคะ >< คาร์ตัวนี้ค่อนข้างเฟรนลี่ เล่นได้คุยได้กับทุกคนเลยค่าา