[EHW] Defence Against the Dark Arts Homework : Max Marshall

เอนทรี่นี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม

EHW_logo

tumblr_mef0slvbuh1qzsgi0o1_500

โจทย์ที่ 2 ของปีการศึกษา 2018 : การบ้านวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด – บ็อกการ์ต

(Related to : Max’s Story I : Brother)

 

(เปิดเพลงนี้)

 

 

 

 

1

 

 

 

          “แม็กซ์”

          “หืม?”

          “รู้รึเปล่าว่า hope ย่อมาจากอะไร”

 

          แม็กซ์มีสีหน้างงงวย นั่งมองธีโอ พี่ชายของเขาที่นั่งบนเตียงฝั่งตรงกันข้าม กดมือถือที่เพิ่งได้มาเป็นของขวัญวันเกิดอายุ 13 ปี

 

          ตามประสาคนเห่อของใหม่ ธีโอใช้มือถือดูทุกอย่างบน facebook อ่านทุกอย่างให้แม็กซ์ฟัง

          “hope มันก็คือ hope ไม่ใช่หรอธีโอ”

          “ม่ายๆ” ธีโอส่ายหน้า

          “มีคนบอกไว้ว่าจริงๆแล้ว hope ย่อมากจาก Hold On, Pain Ends” พูดจบธีโอก็เงยหน้าขึ้น ยักคิ้วให้ “เจ๋งเนอะ ฟังแล้วรู้สึก move on ดี”

 

          แม็กซ์หัวช้า คิดตามธีโอไม่ทันเท่าไหร่ แต่ถ้าธีโอว่าเจ๋งแม็กซ์ก็จะคิดว่าเจ๋งด้วย

          “เพิ่งรู้ว่า hope มาจากประโยคนี้ ดีจังเลยฮะ”

          “นี่ๆแม็กซ์ มีคำอื่นด้วยนะ อันนี้เจ๋งกว่าเดิมอีก” ธีโอทำเสียงตื่นเต้น “แล้วรู้มั้ยว่า fear ย่อมาจากอะไร?”

 

          แม็กซ์ขมวดคิ้ว ส่ายหน้า เป็นการส่งจังหวะที่ดีเยี่ยมให้ธีโอกระแอมแฮ่มๆแล้วค่อยพูดต่อ

          “มันมาจากสองอย่างนะ ขึ้นอยู่กับคนจะเลือกมอง”

          “อื้อ”

          “นายจะมองว่า fear มาจาก forget everything and run ก็ได้”

          “…”

          “หรือจะมองเป็น face everything and rise ก็ได้”

          “……………”

          “ทำหน้าแบบนี้ไม่เข้าใจล่ะสิ” ธีโอหัวเราะลั่น แม็กซ์รู้ว่าตอนนี้คิ้วตัวเองขมวดมุ่น เพราะเขาก็ไม่เข้าใจสิ่งที่ธีโออธิบายจริงๆ

          “โอเคๆ ไม่เป็นไร เจ้าบื้อแม็กซ์เอ๊ย” ธีโอส่ายหน้ายิ้มๆ แล้วมือธีโอก็ขยี้ผมแม็กซ์จนยุ่งเหยิงเหมือนที่ทำประจำ นั่นทำให้แม็กซ์หัวเราะออกมาเสียงดังไปด้วย

 

 

 

 


 

 

 

 

 

2

 

 

          แม็กซ์รักธีโอมากๆ และแม็กซ์ก็เชื่อว่าธีโอก็รักแม็กซ์เหมือนกัน

          ก็พวกเราเป็นพี่น้องกันนี่นา

 

          นั่นเป็นสิ่งที่แม็กซ์เชื่อมาตลอด

          นั่นทำให้แม็กซ์ไม่เข้าใจเลย

 

ว่าทำไม ‘บ็อกการ์ต’ ที่อยู่ตรงหน้าแม็กซ์ถึงได้ออกมาเป็น ‘ธีโอบอลด์ มาร์แชลล์’

 

 

 

 

1

 

 

 

          สายตาของ ‘ธีโอ’ ที่มองมาทำให้ร่างกายของแม็กซ์เย็นวาบ

          แม็กซ์ทำอะไรไม่ถูก แม้แต่จะพูดออกมาเป็นคำยังพูดไม่ออก ทั้งๆที่ ‘ธีโอ’ ตรงหน้าก็ไม่ได้ขยับไม่ได้ทำอะไร

 

          แต่การที่ธีโอไม่ขยับนั่นแหละ ทำให้แม็กซ์ ‘กลัว’ มากกว่าเดิม

 

          สายตาสั่นระริกเบือนไปหาศาสตราจารย์พอลที่ยืนอยู่หน้าประตู วนกลับมาที่ธีโอ ซ้ำไปซ้ำมา

          แม็กซ์มือสั่น

 

          ต้องเสกคาถา

          ใช่แล้วต้องเสกคาถา

          แล้วทุกอย่างจะจบลง

 

          แม็กซ์พยายามคุมมือตัวเองให้นิ่ง ยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นมา ริมฝีปากแห้งผากเอ่ยคาถา

 

 

          “ริ … ริดิคลัส!”

         .

         .

         .

         .

         .

         .

         .

         .

         .

 

          ไม่เกิดอะไรขึ้น

          แม็กซ์ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเป็นเพราะตัวเองร่ายคาถาผิด หรือ สะบัดไม้กายสิทธิ์ผิด

          แม็กซ์รู้แค่ว่าตอนนี้มือของแม็กซ์สั่นกว่าเดิม ขอบตาเริ่มร้อนผ่าว รู้สึกเหมือนจะร้องไห้

 

          “มาร์แชลล์ สูดหายใจเข้าลึกๆ”

          ศาสตราจารย์พอลที่เห็นทีท่าไม่ดีก้าวเท้าออกมาจากประตู เรียกความสนใจจากแม็กซ์ให้หันไปมอง ศาสตราจารย์ขยับมือที่ถูกต้อง อ้าปากออกเสียงคาถาให้แม็กซ์ฟัง

          แม็กซ์พยักหน้า

 

          ต้องได้สิ

          ต้องทำให้ได้

          ต้องผ่านมันไปให้ได้

 

          เขาหลับตาลง สูดลมหายใจ ก่อนจะเอ่ยออกมาอีกครั้ง

“รีดิคูลัส!”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

3

 

          การบ้านบ็อกการ์ตจบลง

 

          แม็กซ์ผ่านไปได้อย่างด้วยดี

          เขาเสกให้ธีโอใส่ชุดฟักทองพองๆใหญ่ๆแล้วเต้นแท็บ

          เขาได้รับเสียงปรบมือเป็นกำลังใจจากศาสตราจารย์พอล

 

          แต่แม็กซ์ก็ไม่ได้รู้สึกสบายใจขึ้นมาเลย

 

          แม็กซ์รู้ว่าตัวเองกลัวอะไร

          แม้แม็กซ์จะเชื่อว่าธีโอรักแม็กซ์

          แต่ลึกๆแล้วแม็กซ์ก็กลัว

 

          กลัวว่าธีโอจะไม่รักแม็กซ์อีกต่อไป

          กลัวว่าธีโอจะเกลียดแม็กซ์

 

          ‘สายตาที่เย็นชา’ ที่มองมาของธีโอคือสิ่งที่ทำให้แม็กซ์กลัวที่สุด

          ขนาดของอย่างฟักทองมาเต้นแท็บยังกลายเป็นอะไรที่น่าตลกกว่า เมื่อเทียบกันแล้ว..

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

4

 

          คำพูดของธีโอย้อนกลับเข้ามาในหัว

          คำพูดที่ธีโอคงเล่าแบบไม่คิดอะไร แต่แม็กซ์เพิ่งเข้าใจความหมายของมัน

 

F E A R

 

          เมื่อมีความกลัว เราก็ต้องเลือก

          เลือกว่าจะลืมมันแล้วหนีไป

          หรือเลือกที่จะเผชิญหน้ากับมัน

 

          สำหรับแม็กซ์…

          แม็กซ์ไม่ใช่คนที่มีความกล้าอะไร

          เพราะฉะนั้น..

 

          แม็กซ์ขอเลือกที่จะหนีไปดีกว่า

 

          เพราะถ้าเทียบกันแล้ว บางทีการที่ต้องจำว่าสิ่งที่ตัวเองกลัวเกี่ยวกับอะไรนั่นล่ะ คือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับแม็กซ์

 

 

 


 

กลายเป็นว่าสตอรี่ของแม็กซ์ได้อัพเดทเฉย(?) 5555555555

ถ้าใครได้อ่านเอนทรี่สตอรี่ของแม็กซ์น่าจะพอเห็นว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของแม็กซ์กับพี่ชายเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงค่ะ นั่นมันเลยเป็นสาเหตุที่ทำให้ความกลัวของแม็กซ์ในปัจจุบันออกมารูปแบบนี้5555

คิดว่าการที่เจอการบ้านบ็อกการ์ตน่าจะทำให้สตอรี่ของน้องที่เราวางแผนไว้ในอนาคตมีการเปลี่ยนแปลงเล็กๆเหมือนกันค่ะ ถ้าไม่ผิดพลาดหรือมีเหตุแทรกซ้อนก็น่าจะได้เขียนถึงสตอรี่ในจุดนั้น

ขอขอบคุณศจ.พอลที่มาโคกันด้วยนะคะ!

 

ส่งการบ้านค่ะ!

 

 

[EHW] Defence Against the Dark Arts Homework : Hyne White

เอนทรี่นี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม

EHW_logo

tumblr_mef0slvbuh1qzsgi0o1_500

โจทย์ที่ 2 ของปีการศึกษา 2018 : การบ้านวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด – บ็อกการ์ต

 

(เปิดเพลงนี้)

 

        ไฮน์ ไวท์ เป็นพ่อมดเลือดบริสุทธิ์ที่สนใจในเรื่องราวของมักเกิ้ล

 

        ไม่ใช่แค่ตัวไฮน์ ไวท์ที่สนใจ แต่คนอื่นๆในตระกูลไวท์เองก็สนใจเหมือนกัน จะเรียกว่าเป็นลักษณะประจำตระกูลเลยก็ว่าได้

 

        ตระกูลไวท์มีผู้นำตระกูลคนปัจจุบันเป็นนักแสดงเก่าแก่ที่มีชื่อเสียง มีภริยาผู้นำตระกูลเป็นนักร้องชื่อดัง และทั้งสองคนก็ให้ความสนใจในศิลปศาสตร์ของโลกมักเกิ้ล

 

        นั่นทำให้ทุกครั้งที่ไฮน์ ไวท์ได้กลับบ้านใหญ่ เขามักจะได้ดูหนังหรือฟังเพลงใหม่ๆของมักเกิ้ลเสมอ

 

        แน่นอนว่าตอนวันหยุดคริสมาสที่ผ่านมาก็เช่นกัน

 

        ‘ปู่เพิ่งได้ดูภาพยนตร์ของมักเกิ้ลเรื่องใหม่มา หลานน่าจะชอบ’

 

        เบอร์นาร์ท ไวท์ เอ่ยกับเขาระหว่างรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน แน่นอนว่าไฮน์ก็ให้ความสนใจทันที

 

        ‘หนังเรื่อง?’

 

        ‘World war Z’

 

        ‘เกี่ยวกับอะไรน่ะ?’

 

        ‘วันสิ้นโลก การเอาชีวิตรอด แล้วก็ ซอมบี้’

 

        ‘ซอมบี้?’

 

        ‘ใช่ซอมบี้ แบบเดียวกับในเพลงที่ย่าเพิ่งให้หลานฟังไง’

 

        ‘……….. อ๋อ……….. ซอมบี้แบบนั้น’ ไฮน์หัวเราะคิกคัก ขยับมือเต้นท่าแบบเพลง Thriller ของ Michael Jackson ที่คุณย่าเดซี่ของเขาเพิ่งเอาให้ฟัง ทำเอาคุณย่าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเขาถึงกับหัวเราะด้วยความถูกใจ

 

        ‘นั่นล่ะ ไปดูนะ ปู่แนะนำ’

 

        ‘ได้เลยครับปู่’

 

        ไฮน์ทำท่าตะเบ๊ะล้อๆรับคำ และแน่นอนว่าคืนนั้นกว่าที่เค้าจะได้นอนก็ตีหนึ่งได้ เพราะมัวแต่นั่งดูหนังที่ปู่แนะนำเนี่ยแหละ

 


 

 

        “Fear is the most valuable commodity in the universe.”

 

        ประโยคเด็ดจาก World War Z หนังโปรดเรื่องล่าสุดของเขา เค้าเพิ่งคุยกับปู่ไปว่าประโยคนี้ฟังดูเจ๋ง

 

        ซึ่ง……… ถามว่าเข้าใจความนัยมันมั้ย ก็ไม่หรอก

 

        แต่มันก็ดูเจ๋งอยู่ดีนะ 🙂

 

        เหนือสิ่งอื่นใด ดูเหมือนมันจะเกี่ยวกับสถานการณ์ตอนนี้แบบพอดีเด๊ะซะด้วย

 

        ตอนนี้ไฮน์ ไวท์กำลังยืนอยู่หน้าห้องทำงานของศาสตราจารย์กรีเซล มาสเตอร์ส ศาสตราจารย์ประจำวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด เตรียมพร้อมที่จะทำการบ้านบ็อกการ์ต

 

        บ็อกการ์ตเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีรูปร่างแน่นอน.. มันจะเปลี่ยนเป็นอะไรก็ตามที่ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกหวาดกลัวที่สุด

 

        พอพูดถึงความกลัว… เขาก็จินตนาการไปต่างๆนาๆ

 

      เอาจริงๆเลือดก็น่ากลัวนะ

        ตอนเด็กๆเค้าก็เคยร้องไห้จ้าเพราะล้มเข่ากระแทกพื้น แล้วเลือดไหลเป็นน้ำตก ตอนนั้นมันน่ากลัวมากๆเลย

 

        หรือจะบร็อคโคลี่ที่ตอนเด็กๆแม่บังคับให้เขากินล่ะ

        แค่นึกก็สยองแล้ว

 

        ในหัวของไฮน์เต็มไปด้วยอะไรมากมายหลายอย่าง แม้แต่ตอนที่เดินเข้ามาในห้องและยิ้มทักทายศาสตราจารย์มาสเตอร์สแล้วก็ตาม

 

        “พร้อมแล้วครับผม ให้ประจำที่…” สายตาของเขากวาดไปยังกลางห้อง หยุดอยู่ตรงกล่องสี่เหลี่ยมที่ตั้งตระหง่านอยู่บนโต๊ะ “ตรงนั้น?”

 

        “ใช่แล้วมิสเตอร์ไวท์ เข้าไปตรงนั้นเลย”

        ศาสตราจารย์มาสเตอร์สตอบรับ

 

        และในวินาทีที่ศาสตราจารย์สะบัดไม้กายสิทธิ์เปิดกล่องออกมา ในหัวของเขาก็ยังคงมีเรื่องราวจินตนาการต่างๆนาๆอยู่เต็มไปหมด

 

        เลือด

        บร็อคโคลี่

        เอาจริงๆ ซอมบี้ใน World War Z ก็น่ากลัว

        แต่เขาก็ไม่นึกเลยว่า

        แค่เขาคิดขึ้นมาแว้บเดียวว่า หวังว่าจะไม่ใช่สิ่งนี้นะ’

 

        ภาพของมันก็ปรากฏต่อหน้า

        .

        .

        .

        .

        .

        .

        .

        .

        .

        .

        .

        .

1
2

“ไฮน์”

 

        เขาช็อก ดวงตาเบิกกว้าง เหมือนไม่เข้าใจว่าทำไมภาพตรงหน้าของเขาจึงเป็นเช่นนี้

 

        ภาพตรงหน้า

 

โจเอล กลีนน์ รูมเมทของเขา

3

“ไฮน์ … ฉัน”

 

        กลิ่นเลือดคละคลุ้งจนเขาแทบจะอาเจียน

        แผลเหวอะหวะบนลำคอและแขนของโจเอลทำให้มือเขาสั่น

 

        เขาเดาได้ ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อ

 

        มันเหมือนกับในเรื่อง World War Z

        แค่ไม่กี่วินาที ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

 

“ไฮน์ .. ฉันกำลังจะตาย”

4
5
6

.

.

.

.

.

.

.

.

7

8

“รีดิคูลัส!!”

.

.

.

.

.

.

.

.

.

(เปิดเพลงนี้ฟังไปด้วย) 

.

.

.

.

.

.

 

 

9

.

.

.

.

.

.

10

.

.

.

11

.

.

12

13

 

 

 

“ไอเดียดีนี่”

 

         คำชมของศาสตราจารย์ดังออกมาจากแถวประตูห้อง เขาหันไปมองศาสตราจารย์มาสเตอร์ส (ที่หลุดขำพรืดกับผลงานของเขา) หันไปมองผลงานตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะหลุดขำออกมา

 

         ถ้าย่าเดซี่มาเห็นคงภูมิใจ

 

         “เป็นเกียรติครับ ศาสตราจารย์มาสเตอร์ส ท่าเต้นนี้มาจากเพลง Thriller ครับ กำลังดังมากในโลกมักเกิ้ล ผมอยากแนะนำให้ศาสตราจารย์ได้ลองฟังดูนะครับ”

 

         “ฉันฟังเพลงนี้มาหลายครั้งแล้ว” หญิงสาวร่างโปร่งตรงหน้าเขาตะวัดไม้กายสิทธิ์ เก็บโจเอล กลีนน์ที่กำลังเต้นอย่างเร่าร้อนกลับเข้ากล่อง “อย่าลืมไปแนะนำเพื่อน ๆ เธอด้วยล่ะ  วันนี้ทำได้ดีมาก”

 

         “โฮ่ ศาสตราจารย์มาสเตอร์สทันสมัยเหมือนกันนะครับเนี่ย” คำชมของศาสตราจารย์ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะยืดอกตัวเองเล็กน้อย “และแน่นอนครับผม เพื่อนทุกคนของผมต้องรู้จักเพลงนี้ ขอบคุณที่ให้การช่วยเหลือและแนะนำเช่นกับครับศาสตราจารย์”

 

         ศาสตราจารย์พยักหน้า ก้าวขาออกจากประตูที่ยืนพิงเมื่อครู่ เป็นการเปิดทางให้เขา “ไว้คุยกันใหม่นะมิสเตอร์ไวท์ สวัสดี”

         “แล้วเจอกันครับผม”

 


 

 

 

         ประตูห้องถูกปิดลง

         พร้อมๆกับที่รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าของไฮน์ ไวท์

 

         เฮ้อ..

         Fear is the most valuable commodity in the universe งั้นหรอ

 

         ไม่มั้ง

 

         What you fear is an indication of what you value มากกว่า

 

         อย่างกลัวความเจ็บปวด ก็เพราะเราให้ความสำคัญกับร่างกาย

         กลัวผี ก็เพราะให้ความสำคัญคัญกับการมีชีิวิต

 

         ส่วนเขา…

 

         ไฮน์หลับตา นึกย้อนไปถึงวินาทีที่กล่องสีดำนั่นถูกคาถาเสกให้เปิดออก..

 

         ในระหว่างที่ความคิดหลายอย่างปนเปในหัว

         สิ่งที่เขาไม่อยากเห็นก็คือ “คนรอบตัวที่เขาให้ความสำคัญต้องเป็นอะไรไป”

 

         และมันก็ดันออกมาเป็นแบบภาพเมื่อครู่นั่นแหละ…

 

         ไฮน์หัวเราะหึออกมา นึกขำใน ‘ความกลัวของตัวเอง’ กลับห้องไปเจอหน้าโจเอลมันต้องรีบเล่าแล้วล่ะ ว่าหน้าตามันตอนกลายเป็นศพมันตลกแค่ไหน

 

 

—————————————————————————————————————————————–

 

แฮ่ ส่งการบ้านค่ะ

นั่งคิดอยู่นานเลยว่าความกลัวของไฮน์จะออกมาในรูปแบบไหน ถ้าจะแปลง่ายๆ ความกลัวของไฮน์ก็คือ “กลัวเพื่อนตาย” นั่นแหละค่ะ แต่ตอนแรกนึกไม่ออกว่าจะวาดยังไงดี ต้องขอบคุณไอเดียจากผปค. ศจ.กรีเซลและผปค. ศจ.พอลมากๆค่าา

 

ต้องขอบคุณ ศจ.กรีเซล ที่ให้โค และขอขอบคุณ โจเอล กลีนน์ ที่ให้ยืมคาร์มาพูดถึงค่ะ!